Monday, May 19, 2008

Decode Jakrapop Penkair's Speech


ไขรหัส คำปาฐกถาจักรภพ เพ็ญแข

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา คำปาฐกถาเจ้าปัญหาของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ไปกล่าวไว้ต่อนักข่าวและผู้ฟังที่ ชมรมนักข่าวต่างประเทศ (FCCT) เมื่อต้นเดือนกันยายนปีที่แล้ว (ก่อนการเลือกตั้งฯทั่วไปครั้งที่ผ่านมา) กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ได้รับความสนใจอย่างยิ่ง เพราะเป็นประเด็นที่กำลังเป็นคดีพิจารณาว่า มีความผิดฐานหมิ่นฯหรือไม่หมิ่นฯ บางคนคิดถึงกับว่าเข้าลักษณะความผิดต่อความมั่นคงในราชอาณาจักรฐานกบฏด้วยหรือไม่

คำถอดความคำปาฐกถาเป็นภาษาอังกฤษมีอยู่ในมือสื่อหลายแห่ง พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทยจากหลายสำนัก แต่ก็เป็นการนำเสนอในลักษณะลับๆล่อๆ คงเพราะเกรงว่าจะเฉียดเฉี่ยวเข้าไปใกล้คำว่า "บังควร"ทับซ้อนไปบนความ "บังอาจ" แต่ความเชื่อหนึ่งที่เกิดขึ้นแก่ผู้ได้พิจารณาข้อความอย่างละเอียดแล้ว คือเชื่อว่า น่าจะมีการ"ฆ่าตัดตอน" เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เป็นการตัดเนื้อร้ายและฆ่าตัดตอนของนายกรัฐมนตรีที่มักคุยอวดเลือดสีน้ำเงิน

การบรรยายรวมการตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษของนายจักรภพ เพ็ญแขไม่ทราบว่าใช้เวลาบนเวทีทั้งสิ้นเท่าไร แต่ถอดเป็นหนังสือออกมาได้ประมาณ 12-13 หน้ากระดาษ A 4 เมื่อพิจารณาโดยละเอียดแล้วจะพบว่า มีลักษณะ "ซ่อนรหัสไว้ในพลความ" นอกเหนือจากการ "ซ่อนความไว้ระหว่างบรรทัด"

คุณจักรภพ เพ็ญแขได้เปิดเผยตัวตนบุคคลที่ทักษิณ ชินวัตรเรียกว่า "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" อย่างชัดเจน ด้วยคำอารัมภบทเริ่มต้นว่า

"ผมเพิ่งออกจากคุกคุณเปรม ไม่ใช่คุกทั่วไป แต่เป็นคุกของคุณเปรม มันเป็นวิธีที่คุณเปรมสื่อสารโดยตรงกับสาธารณชนว่า เขาเป็นบุคคลที่ถูกแตะต้องไม่ได้" (ความจริงจักรภพกับพวกเคยถูกจำขังอยู่ที่เรือนจำคลองเปรมประชากร)

มีคำพาดพิงต่อว่า "คุณเปรมเป็นใคร คุณเปรมเป็นตัวแทนของใคร คุณเปรมเป็นตัวแทนของคนๆนั้นจริงหรือ?" (Who is Khun Prem, whom he represents, whether or not he represents him ?)

"คุณเปรมเป็นสัญลักษณ์ของอะไรหลายอย่าง เราได้เรียนรู้จากคุณเปรมว่า คนดีคนหนึ่งเมื่อแก่ตัวไป ซึ่งไม่เกี่ยวกับอายุ แต่เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิดที่ไม่กล้าได้กล้าเสียอีกต่อไป ความรู้สึกที่อยากถอยเวลากลับไปหาเวลาในอดีตที่เขารู้สึกพอใจ แต่คนแก่คนนี้ไม่เหมาะสมที่จะมีอิทธิพลต่อประเทศไทยอีกต่อไป"

จักรภพ เพ็ญแข ได้เปิดเผยชื่อคุณเปรม ไว้ชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยคำกล่าวถึงในบางตอนว่า คุณเปรม หรือพลเอกเปรม(Khun Prem or General Prem) แต่ส่วนเลยเถิดที่เป็นปริศนาต่อไปคือคำถามที่ว่า คุณเปรมเป็นตัวแทนของคนๆนั้นจริงหรือ?

จักรภพ เพ็ญแข ได้วิเคราะห์ประเทศไทยต่อไปว่า

"วิกฤตการเมืองในปัจจุบันคือการต่อสู้ระหว่าง ประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ เป็นการปะทะกันโดยตรง และจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยและรากฐานของประเทศ เป็นการเดิมพันที่สูงมากสำหรับทั้งสองฝ่าย ทั้งประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์........ไม่เคยมีครั้งไหนที่ประชาชนออกมาเป็นจำนวนมาก และประกาศก้องว่า เราไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์อีกต่อไป...... มันถึงเวลาแล้ว และเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของคนไทยที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมเชื่อว่าเราจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ได้เริ่มต้นนี้แล้ว ภายในชั่วชีวิตเรา"

อะไรคือระบบอุปถัมภ์ในความหมายของจักรภพ เพ็ญแข ?

มีคำอธิบายต่อว่า

"ประเทศเราเริ่มต้นจากระบบอุปถัมภ์.....ในรัชสมัยหนึ่งยุคสุโขทัย เราถูกชักนำให้เชื่อว่า กษัตริย์องค์หนึ่งในสมัยสุโขทัยคือ พ่อขุนรามคำแหง เป็น บิดาที่ยิ่งใหญ่...........กษัตริย์ในสมัยสุโขทัยจึงถูกมองว่าเป็นบิดาที่ยิ่งใหญ่ผู้มีความเมตตากรุณาต่อประชาชน และให้ในสิ่งที่ประชาชนต้องการได้.... เพราะฉะนั้นประชาชนจึงมีหน้าที่ต้องจงรักภักดี และต้องมีความศรัทธาในระบบซึ่งมีผู้มอบให้เขา ไม่มีระบบอื่นที่สามารถแข่งขันได้ ไม่มีความคิดในเรื่องระบบการปกครองที่ดีกว่านี้ในสมัยนั้น

ต่อมาในสมัยอยุธยา แนวคิดที่ว่ากษัตริย์เปรียบเสมือนเทพเจ้าถูกนำเข้ามาจากเขมร กษัตริย์เป็นกึ่งเทพเจ้า เป็นตัวแทนของเทพในศาสนาฮินดูและเทพที่อยู่เหนือเทพทั้งหลาย ดังนั้นระบบอุปถัมภ์จึงกลายมาเป็นระบบคุ้มครอง ถ้าคุณมีความจงรักภักดีต่อกษัตริย์โดยปราศจากข้อสงสัย คุณจะได้รับความคุ้มครอง ประชาชนที่ทำในทางอื่นต้องถูกลงโทษ ไม่ว่าจะถือว่าเป็นความก้าวหน้าหรือความถดถอยก็ตาม แต่มันเป็นการผสมผสานระหว่าง รูปแบบบิดาผู้ยิ่งใหญ่ (The Great Fathers model) และรูปแบบผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ( The Great Leaders model) สมัยอยุธยาได้ก่อให้เกิดความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ขึ้นในประเทศไทย คือความสัมพันธ์ระหว่างนายกับทาส ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นผู้ดีมียศฐาบรรดาศักดิ์กับสามัญชน

ขณะนี้เราอยู่ในรัชสมัยของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นการรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา และเนื่องจากพระองค์ทรงครองราชย์มานานมากกว่า 60 ปีแล้ว ทำให้สถานภาพของพระองค์ถูกยกขึ้นเปรียบเสมือนเป็นตำนาน ประชาชนไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นความจริง หรือเป็นความเชื่อเกี่ยวกับพระองค์"

จักรภพ เพ็ญแข มีความคิดอย่างไร

"การได้บางสิ่งบางอย่างในเวลาที่ผิด ย้ำเตือนเราว่ าอาจมีความจำเป็นที่จะต้องมีผู้นำที่มาเปลี่ยนแปลงให้เราใหม่หมด...... ...เราถูกชักนำให้เชื่อว่ารูปแบบของการปกครองแบบประชาธิปไตย หรือการปกครองแบบประชาธิปไตยภายใต้การชี้นำอันสง่างามของกษัตริย์เป็นการพัฒนาแนวคิดและความเชื่ออย่างต่อเนื่องมาจนถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งผมมองว่า เป็นการปะทะกันระหว่างประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์"

"คนไทยถูกทำให้รู้สึกว่าสบายใจกับระบบอุปถัมภ์ .... เรายิ้มไว้ก่อนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มันเป็นวิธีการแก้ปัญหาเพราะไม่มีวิธีอื่นแล้วในขณะนั้น และเราก็สร้างคำพูดและความเชื่อที่ว่า ค่าของคนคือคนของใคร"

"สาเหตุที่เรากำลังขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้เพราะมีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาบอกว่า เราไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์อัปรีย์ของพวกคุณต่อไป การติดป้ายโฆษณาใหญ่ทั่วกรุงเทพและอาจจะนอกกรุงเทพด้วย มีข้อความเช่น คนไทยต้องร่วมชะตา ลงเรือลำเดียวกัน แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ ท้ายข้อความบนป้ายเขียนว่า ประชาชนคนเสื้อเหลือง ................ ประเทศไทยกำลังใกล้ถึงจุดเปลี่ยนแปลงเต็มที่แล้ว สิ่งที่พวกเรากำลังพูดถึงระหว่างประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์คือ ประชาชนเริ่มเติบโตและหลุดพ้นแล้ว"

"ระบบอุปถัมภ์เป็นตัวปัญหา เพราะมันส่งเสริมความไม่เท่าเทียมกันของปัจเจกบุคคล และนั่นคือความขัดแย้งโดยตรงกับประชาธิปไตย มันส่งเสริมให้คนคิดพึ่งพาคนอื่น มันก่อให้เกิดทาสจำนวนมาก แต่มีนายจำนวนเพียงไม่กี่คน มันขัดขวางมิให้ประเทศไทยหลุดพ้นหรือเติบโตขึ้น"

มีคำอธิบายต่อว่า

"การที่มีพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องบาป ไม่ใช่ความชั่วร้าย แต่ทั้งหมดกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมตอนนี้เราต้องปะทะกัน เพราะมีประชาชนจำนวนมากพอสมควรที่ออกมา และบอกว่า เราไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์เฮงซวยของท่านต่อไป (We don't want anymore of your damn patronage !)"

จักรภพ เพ็ญแขคือตัวแทนความคิดของใคร ?

"นายกทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง ได้กำจัดระบบอุปถัมภ์ไปจากผู้มีอำนาจ....ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับระบบอุปถัมภ์ เพราะสิ่งที่ท่านทำได้ปลดเปลื้องระบบเดิมอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 5 ปี ประชาชนในระดับรากหญ้าเริ่มรู้สึกว่าเขามีสิทธิที่จะสามารถมีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าเดิมได้ กล่าวคือพวกเขามีทางเลือกใหม่"

"ทักษิณมิได้ทำไปเพื่อท้าทายใคร แต่มีคนรู้สึกว่าถูกท้าทายจากสิ่งที่เขาทำ (Thaksin didn't do it to challenge anyone. But some people felt challenged by what he did and what he has done.)"

"ทักษิณ ชินวัตรไม่ใช่เผด็จการ ผมทำงานกับท่าน....ท่านดีกว่าผู้นำแก่ๆที่มีคนบอกให้ผมเคารพ ผมอยากทำงานภายใต้สามัญชนที่ดีเพียงครึ่งเดียวมากกว่าที่จะทำงานให้กับผู้สูงศักดิ์ที่ว่างเปล่า (I would rather work underneath a half good commoner than an empty noble)"

จักรภพ เพ็ญแขมุ่งมั่นอะไร

"ผมอยากจะบอกว่า ไม่ว่าผมจะอยู่ในคุกหรือนอกคุก ผมพบว่าประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันโดยตรง..... ถ้าคุณไปที่สนามหลวง คุณจะมีความรู้สึกเหมือนผมว่า ประชาชนคนไทยไม่ใช่เด็กอีกต่อไป พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกบังคับให้ใส่เสื้อผ้าเด็ก พวกเขารู้สึกหงุดหงิด อึดอัดทั้งใจทั้งกาย และพยายามดิ้นรนที่จะปลดปล่อยตัวเอง ผมไม่ทราบว่าเขาจะทำได้อย่างไร แต่พวกเขาจะต้องทำ"

ถ้อยวาจาทุกคำของจักรภพ เพ็ญแข เป็นตัวแทนของความคิดและพยายามของบุคคลน้อยนิดจำนวนหนึ่งในสังคมขณะนี้ แต่มีความพยายามขยายความคิดและแนวร่วมจากปัจเจกชนที่มีพลังมหาศาล จักรภพ เพ็ญแข ทำให้หมดกังขาที่เหตุใดภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ของอังกฤษ ฝรั่งเศส เนปาล และ....จึงได้นำมาเสนอซ้ำซากทางสถานีโทรทัศน์ช่อง NBT หน่วยงานในกำกับดูแลของนายจักรภพ เพ็ญแข ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เหตุใดจึงมีปรากฏการณ์ที่ผู้ร่วมรายการในบางรายการของสถานีโทรทัศน์ช่องนี้ ใส่เสื้อยืดพิมพ์ตัวหนังสือที่หน้าอกว่า ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม เพื่อสนับสนุนการกระทำของกลุ่มบุคคลที่ไม่ยอมลุกขึ้นยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี

คำปาฐกถานี้เปลือยตัวตนจักรภพ เพ็ญแข และ"นายใหญ่" ที่อยู่เบื้องหลังอย่างล่อนจ้อนจริงๆ

คำปาฐกถาคราวนี้ท้าทายเลือดสีน้ำเงินของนายกรัฐมนตรีคนนี้จริงๆ

ผู้เขียน : "ตะพุ่นหญ้าช้าง"
คอลัมน์ : ขัดตาทัพ หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 17/5/2008



1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับบทความดีๆที่นำมาแบ่งปันให้กัน

Google