Friday, May 30, 2008

Hidden Agenda in Jakrapop Penkair's eyes (The End)


เป้าหมายแท้จริงที่สะท้อนผ่านจักรภพ (จบ)

คำพูดของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ได้ไปกล่าวต่อที่ประชุมสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย ตามที่ได้นำมาให้ได้รับทราบกันไปแล้วหลายประเด็นด้วยกันนั้น ในการตอบคำถามที่มีผู้สื่อข่าวต่างประเทศซักถามเพื่อให้ นายจักรภพ ตอบนั้น มีด้วยกันหลายคำถาม แต่จะนำคำถามคำตอบบางประเด็นมากล่าวให้ฟังดังต่อไปนี้

ถาม (ผู้ถามคือนายปีเตอร์)
" คุณจักรภพ ผมจำไม่ได้ว่าคุณใช้คำว่าอะไร คุณพูดคล้ายๆ คำว่า "ละเมอเดิน" ตอนที่บรรยายถึงพัฒนาการของคุณทักษิณในฐานะที่เป็นวีรบุรุษแห่งประชาธิปไตย คุณช่วยขยายความให้ละเอียดขึ้นได้ไหม คุณคิดว่าคุณทักษิณมีความสนใจที่จะส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศไทยจริงหรือ มิใช่ว่าเขาเพียงแต่ผูกขาดระบบอุปถัมภ์เท่านั้นหรือ และถ้าเขาละเมอเดินในบทบาทของวีรบุรุษประชาธิปไตยอย่างที่คุณกำลังบรรยายอยู่นี่ เขาเป็นนักประชาธิปไตยจริงหรือเปล่า เขาเป็นนักการเมืองประชาธิปไตยแท้จริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเขาเป็นวีรบุรุษโดยบังเอิญซึ่งเราคิดว่าคุณกำลังพยายามโฆษณาอยู่หรือ

นายจักรภพตอบ
"...ผมเชื่อว่าคุณทักษิณพยายามที่จะเป็นประชาธิปไตย คนรุ่นเดียวกับท่านแทบจะไม่เป็นประชาธิปไตย...เมื่อผมพูดว่าท่านละเมอเดินไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบาย ผมหมายความว่า ท่านมิได้ตั้งใจที่จะรวบอำนาจจากระบบอุปถัมภ์ ท่านไม่ทราบว่าคนบางคนเป็นเจ้าของประชาชนที่ยากจน ท่านจึงโพล่งคำบางคำออกมาโดยที่ไม่ทราบว่าจะทำให้คนที่ได้ยินเจ็บใจแค่ไหน ท่านเคยพูดไว้ครั้งหนึ่งก่อนที่ผมจะมาทำหน้าที่โฆษกว่า "ผมเบื่อพวกนายหน้าคนจน" พวกที่ชอบพูดถึงคนจนและความยากจนตลอดเวลา แต่ไม่เคยทำอะไรสักอย่าง...
...ทักษิณไม่ใช่เผด็จการ ผมทำงานกับท่านมา และผมจะเป็นคนแรกที่ก้าวห่างออกจากท่านถ้าท่านเป็นเผด็จการ แต่ท่านเป็นเพียงคนคนหนึ่งที่มุ่งมั่นพยายามที่จะทำงานให้สำเร็จ...แต่ถ้าคุณได้พบท่าน ได้ใช้เวลาอยู่กับท่าน คุณจะทราบว่าท่านไม่มีเมล็ดพันธุ์เผด็จการอยู่ในตัวของท่าน ผมไม่ได้บอกว่าท่านเป็นซูเปอร์แมน แต่ท่านดีกว่าผู้นำแก่ๆที่มีคนบอกให้ผมเคารพ ผมอยากที่จะทำงานภายใต้สามัญชนที่ดีเพียงครึ่งเดียวมากกว่าที่จะทำงานกับผู้สูงศักดิ์ที่โง่ "

ถาม (ผู้ถามคือนายไซมอน)
" คุณจักรภพ คุณจะลงสมัครรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 23 ธันวาคม หรือเปล่า ถ้าลงจะร่วมกับพรรคใด และคุณบอกได้ไหมว่าพรรคนั้นเป็นตัวแทนของอะไร หรือจะทำอะไรให้กับประเทศไทย ถ้าคุณตัดสินใจว่าคุณจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้เนื่องจากคุณรณรงค์ต่อต้านรัฐธรรมนูญ คุณจะทำอะไรในลักษณะอื่นเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองของคุณ "

นายจักรภพตอบ
" ขอบคุณไซมอน เราได้ 377 ที่นั่ง ในสภาฯแล้วเราก็ถูกยึดอำนาจ ดังนั้นการชนะเลือกตั้งอาจไม่ใช่ประเด็นหลัก ดังนั้นพวกเราทุกคน พวกเราบางคนซึ่งกำลังต่อสู้อยู่ที่สนามหลวง กำลังพิจารณากันว่าเราควรลงสมัครรับการเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าเราลงสมัครรับเลือกตั้งก็หมายความว่าเราต้องมีเวทีใหม่ที่จะแสดง การรณรงค์หาเสียงสำหรับเราก็จะเป็นเวทีสนามหลวงอีกเวทีหนึ่ง แต่ถ้าเราไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งก็หมายความว่าเราจะหาอะไรทำนอกกระบวนการเลือกตั้งเพื่อปกป้องระบบของมันให้ดีที่สุดเท่าที่เราสามารถจะทำได้ เราไม่ได้ยกย่องตัวเองว่าเป็นผู้พิทักษ์อะไร แต่เราจะพยายาม พรรคที่เราสังกัดก็ไทยรักไทยอะไรก็ได้ อาจเป็นไทยรักจีน ผมจะสังกัดพรรคนั้นแหละ "

ถาม (ผู้ถามคือนายปีเตอร์)
" จากที่เราอ่านพบ พรรคพลังประชาชน มี สส.เก่าของพรรคไทยรักไทย จำนวนมาก และผมเดาว่าก็จะลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย ผมมี 2 คำถาม คือ 1. คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพื่อที่จะสะกัดไม่ให้พรรคพลังประชาชนะการเลือกตั้งและ 2. คุณคิดอย่างไรกับการที่มีสมัครเป็นหัวหน้าพรรคอาจได้เป็นรัฐบาล "

ตอบ
" ผมอยากให้แน่ใจว่าฟังคำถามของคุณถูกต้อง คำถามแรกอะไรจะมาขัดขวางไม่ให้พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง "
ผู้ถามอธิบายคำถามว่า " อะไรจะมาขัดขวางจะมีการทำอะไรที่จะสกัดไม่ให้ชนะ "

ตอบ "เล่ห์เหลี่ยมของอีกฝ่ายหนึ่ง"
ถามคำถามที่ 2 " คุณคิดอย่างไรกับพรรครัฐบาลภายใต้การนำของสมัคร เขาเป็นคนอย่างไร "

ตอบ "ถ้าคุณใช้วิธีการคิดแบบตะวันตก คุณจะตราหน้าว่าสมัครเป็นพวกขวาจัด แต่ถ้าคุณดูท่านให้ดีและติดตามเรื่องของท่าน คุณจะพบว่าท่านอยู่ในระบบอุปถัมภ์อย่างชัดเจน ผมหมายความว่าท่านเป็นอนุรักษ์นิยมสุดกู่ ซึ่งยอมที่จะสละตำแหน่งง่ายๆถ้าถูกขอร้อง นั่นคือคุณสมัคร แต่แล้วท่านก็ตัดสินใจที่จะปกป้องทักษิณเมื่อท่านอายุ 70 ต้นๆ ท่านอายุ 70 กว่าแล้วนะทราบไหม ท่านไม่ใช่นักการเมืองหนุ่มแล้ว แต่ท่านก็ตัดสินใจกระโดดเข้ามาเพื่อปกป้องทักษิณในครั้งนี้ "

ผู้เขียน : ตาโป๋เป่าปี่
คอลัมน์ : กวนใจให้สะอาด หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 30/5/2008



Monday, May 26, 2008

Thai farmers' s Association protests farmers from Saui


จวก“ทักษิณ”ขายชาติ เครือข่ายชาวนาทั่วไทย ต้านซาอุฯทำนา

ข่าวจาก วีระวัฒน์
เมื่อวันที่ 23/5/2551
http://www.pracharatnews.com/hotnews/aspboard_Question.asp?GID=2191

นัดเคลื่อนพล 1 มิ.ย. “บรรหาร - สมศักดิ์” ออกโรงต้านสุดตัว กรณี “แม้ว” ดึงนักธุรกิจซาอุฯ ลงทุนทำนาในไทย เผยเป็นแนวคิดของนายทุนขายชาติ ที่มุ่งทำลายล้างชาวนาและอาชีพของบรรพบุรุษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 พ.ค.)นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่นักธุรกิจประเทศซาอุดีอาระเบียจะเข้ามาลงทุนทำนาในประเทศไทย ว่า เรื่องนี้กระทรวงเกษตรฯ ไม่เห็นด้วย และจะคัดค้านเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าความคิดนี้เป็นความคิดของใคร แต่แนวคิดนี้คือแนวคิดของการขายชาติ เกษตรเป็นวัฒนธรรมที่ผูกติดกับวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ทุกครั้งที่ประเทศชาติได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ มีแต่ภาคการเกษตรเท่านั้นที่ช่วยรักษาชาติ ฉะนั้น วันนี้ถ้ามองไม่เห็นความสำคัญภาคการเกษตร ในการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน กระทรวงเกษตรฯ ขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

“ต้องยอมรับว่า มีพระราชบัญญัติคุ้มครองอาชีพให้กับคนไทย หนึ่งในอาชีพที่คุ้มครองคืออาชีพการเกษตร อย่าไปมองในเรื่องของธุรกิจ อย่ามองในเรื่องของผลประโยชน์ ถ้ามองในเรื่องของธุรกิจและผลประโยชน์ ความเป็นชาติก็จะพินาศสลายอย่างแน่นอน” นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า อยากให้ทุกคนที่คิดเรื่องนี้ น้อมนำเอาพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาใส่เกล้าใส่กระหม่อม ว่า ควรจะรักษาชาวนาอย่างไร จะดูแลเกษตรกรอย่างไร อย่าคิดเอาผลประโยชน์ส่วนตัวมาเป็นที่ตั้ง ยิ่งได้มองเห็นรูปแบบในการคิดแล้ว บอกได้เลยว่าวิธีคิดอย่างนี้คือการทำลายล้างชาวนา ทำลายล้างเกษตรกรให้หมดไปจากแผ่นดิน

“มีอย่างที่ไหนมารวบรวมนักวิชาการ รวบรวมเกษตรกรแล้วไปรับจ้างปลูกข้าว ไร่หนึ่ง 5,000 บาท ไม่คิดถึงหัวอกเกษตรกรที่ไม่มีนาทำเหรอครับ เกษตรกรวันนี้ 62% ในภาคกลางเช่าที่ทำนา ถ้าวิธีคิดอย่างนี้ออกมาต่อไปเจ้าของที่นาก็ไล่เกษตรกรหมด เจ้าของที่ดินก็จ้างเข้ามาทำนาไร่ละ 5,000 บาท ผลผลิตได้เป็นกอบเป็นกำแล้วชาวนาจะอยู่ที่ใหน ใครจะรักษาชาวนา” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กระทรวงเกษตรฯ ปฏิเสธเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง และก็จะต่อต้านจนถึงที่สุด วีธีคิดอย่างอื่นมีเยอะ เช่น การชวนชาวต่างชาติมาลงทุน ภาคอุตสาหกรรมภาคอื่นๆ มีอีกเยอะ อย่ามาทำลายทางภาคการเกษตรเลย เมื่อถามว่าถ้าประเทศซาอุดีอาระเบียจะเข้ามาทำจริงๆ จะทำอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มันมีกฎหมายที่คุ้มครองอยู่แล้ว และถ้ากระทรวงเกษตรฯไม่ร่วมมือก็ไม่สามารถทำได้ แล้วการที่จะมาทำอย่างนี้ได้ก็ต้องมีการยกเลิกการสงวนอาชีพ ซึ่งการจะยกเลิกได้นั้น ตนก็อยากจะดูว่าเมื่อเวลานำเข้าสู่สภา และผู้แทนราษฎรคนไหนจะยกมือสนับสนุนตนก็อยากจะดู แล้วก็จะได้รู้กัน

เมื่อถามว่า การที่ นายประภัตร โพธสุธน ออกมาพูดอย่างนี้มีนัยอะไรหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนไม่มองว่าใครจะเป็นคนพูด มองในหลักการว่าหลักการอย่างนี้ปฏิเสธ และรับไม่ได้ ทำไมเมื่อก่อนนี้ผลผลิตทางการเกษตรไม่ดีถึงไม่มาคิด และวันนี้ประเทศที่จะมาเป็นประเทศมหาเศรษฐีทางน้ำมัน รู้ว่า วิกฤตโลกกำลังเกิดจากการขาดอาหาร ทำไมถึงคิดช้าจัง ทำไมถึงพึ่งมาคิดตอนนี้ละมันเป็นการส่งนัยมากกว่า

ในขณะที่ นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย กล่าวในเรื่องนี้ ว่า การทำนาที่ จ.สุพรรณบุรี ไม่จำเป็นให้คนต่างชาติมาช่วยทำ เพราะคนสุพรรณฯและคนไทยมีความสามารถมีศักยภาพที่จะทำนาเองได้อยู่แล้วซึ่งทำได้ดีด้วย และอาชีพทำนาก็เป็นอาชีพที่มีกฏหมายให้ไว้เฉพาะคนไทย เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับ นายประภัตร โพธสุทน เลขาธิการพรรค ถึงแนวคิดนี้แล้วหรือยัง นายบรรหาร กล่าวว่า ขอไม่ตอบในเรื่องนี้ และไม่จำเป็นต้องให้นโยบายกับรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ เขารู้อยู่แล้วว่าควรจะต้องทำอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวัน นายประภัตร โพธสุทน ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ถึงประเด็นการให้ประเทศซาอุดีอาระเบียมาลงทุนในบริษัท รวมใจชาวนา โดยมีเพียงคนสนิทของ นายประภัตร เท่านั้น ที่รับโทรศัพท์และบอกแต่เพียงว่า นายไม่ว่าง นายไปกินข้าว

ด้าน นางกิมอัง พงษ์นารายณ์ ผู้ประสานงานสภาเครือข่ายองค์กรประชาชนแห่งประเทศไทย เลขาธิการเครือข่ายฯ กล่าวว่า ในวันที่ 26-27 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้เครือข่ายชายนาในภาคกลาง อันประกอบด้วย จ.นครปฐม อยุธยา ชัยนาท เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง สมุทรสงคราม ฯลฯ ที่มีสมาชิกกว่า 3 หมื่นคน จะมีการประชุมหารือกันครั้งใหญ่เพื่อกำหนดทิศทางการต่อสู้อย่างเร่งด่วน เพื่อคัดค้านแนวคิดขายชาติที่เกิดขึ้นจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นางกิมอัง กล่าวว่า ความคิดแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากคนไทย เพื่อทำลายคนไทยด้วยกัน ชาวนาไม่ใช่สินค้า ไม่ใช่เรื่องธุรกิจ แต่การทำนาคือวิถีชีวิต ที่สืบทอดกันมาถ้าไม่มีชาวนาประเทศไทยคงไปไม่รอดพ้นจากวิกฤตในหลายครั้ง การทำนาเป็นพื้นฐานรากฐานของประเทศที่สืบทอดทางวัฒนธรรมกันมา

“คนคิดอย่างนี้ไม่ใช่คนไทย ไม่ควรอยู่ในประเทศไทย ขณะนี้ประเทศตะวันออกกลางก็มาคุกคามเราอยู่แล้วในเรื่องน้ำมัน อาวุธของพวกเราคือข้าว เมื่อถึงวันหนึ่งข้างหน้าเราไม่ต้องการน้ำมันก็ได้ เพราะน้ำมันกินไม่ได้ แต่ข้าวต้องกินทุกวัน เขาเข้ามาแสวงหาต่อรองเพื่อให้มีทั้งข้าวและน้ำมัน และคนของเราก็เปิดทางให้ทำกันอย่างนี้มันถือเป็นอาชญากรชาวนา ฆ่าชาวนาทั้งประเทศไทย” นางกิมอัง กล่าว

ในขณะที่ นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า เครือข่ายเกษตรกรทั่วประเทศจะร่วมกำหนดท่าทีและเคลื่อนไหวใหญ่เพื่อคัดค้านเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด โดยจะมีการประชุมพร้อมกันในวันที่ 1 มิ.ย.ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แกนหลักมาจาก 5 องค์กรประกอบด้วย เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีและศึกษาผลกระทบต่อประชาชน หรือเอฟทีเอวอชต์ เครือข่ายหนี้สินชาวนา เครือข่ายปฏิรูปที่ดินและสภาเครือข่ายองค์กรประชาชน ร่วมตัวกัน 400-500 คน โดยจะมีการหารือในเรื่องผลกระทบใน 2 ประเด็นหลัก ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย หลังจากที่เกิดวิกฤติอาหารโลกและวิกฤติราคาน้ำมัน ประกอบด้วย

1.กลุ่มทุนต่างชาติที่รวมหัวกับกลุ่มทุนในประเทศมาแย่งที่ดินทำกินและแย่งพื้นที่ทำเกษตรกรรมของคนไทย ซึ่งจะกลายเป็นวิกฤติที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ภายใน 2-3 ปีนี้ จะปะทุและลามเป็นไฟลุกไหม้ไปทั่วประเทศ เพราะเกิดจากปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรที่ดินซึ่งเป็น ปัจจัยพื้นฐานซึ่งเป็นหัวใจหลักการผลิตของประเทศ แต่กลับไปตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนรายใหญ่ที่เป็นกลุ่มต่างชาติ และกลุ่มทุนในประเทศ ที่ร่วมมือกับทุนท้องถิ่น เทียบเคียงได้กับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับ นายประภัตร โพธสุทน ที่จะพยายามเข้าไปแย่งพื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งขณะนี้การตั้งบริษัทเข้าไปรับจ้างทำนาได้ลุกลามเข้าไปหลายจังหวัดแล้ว มีทั้ง จ.พิจิตร พิษณุโลก มหาสารคาม บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี และ นครสวรรค์ รวมทั้งจังหวัดสุพรรณบุรี บางพื้นที่ด้วย

แม้ว่าจะมีพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างชาติ พ.ศ. 2542 สงวนอาชีพไว้สำหรับคนไทยซึ่งอาชีพชาวนา ถูกขึ้นไว้ในบัญชีที่ 1 แต่ก็กลังว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมีอำนาจเหนือรัฐบาลชุดนี้ จะสามารถผลักดันให้รัฐบาลยอมรับการลงทุนจากต่างชาติ โดยใช้กฎหมายส่งเสริมการลงทุนมาเป็นเครื่องมือ และใช้บริษัทนอมินีที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นอย่างนายประภัตร เป็นผู้จดทะเบียนแทน ซึ่งเรื่องนี้ตนเห็นว่ามีความเป็นไปได้สูง เพราะรัฐบาลชุดนี้พยายามจะปรับความสำพันธ์กับซาอุฯให้กลับมาอยู่ในระดับปกติ ซึ่งก็คงจะใช่การร่วมทุนดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการพัฒนาความสัมพันธ์กับซาอุ และที่ผ่านมาได้เคยมีบริษัทญี่ปุ่น มาลงทุนปลูกข้างพันธุ์ลุกผสมที่ จ.สุโขทัย โดยให้นักการเมืองท้องถิ่นเป็นผู้จัดจัดตั้งบริษัท บังหน้าแทน

2.การลงทุนของทุนข้ามชาติโดยผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ร่วมกับทุนในประเทศและสมรู้ร่วมคิดกับรัฐบาลเพื่อให้เป็นแนวนโยบายของประเทศที่จะใช้เทคโนโลยีนั้น เช่น พันธุ์ข้าวลูกผสม ซึ่งขณะนี้ ได้มีการใช้แพร่หลายในหลายจังหวัด และให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)หักกับเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ของธกส.ให้หักค่าพันธุ์ข้าว ไร่ละ 1,600 บาท ซึ่งเป็นการลงทุนที่ชาวนาเสี่ยงร้อยเปอร์เซ็นต์แต่บริษัทดังกล่าวได้กำไรร้อยเปอร์เซ็นต์

“ชาวนาอาจจะฆ่าตัวตายอีกมาก เพราะการลงทุนมันเพิ่มขึ้นทุกด้าน ทั้งค่าเช่าเพิ่มเป็น 2 พันบาทต่อไร่ต่อรอบ เป็นปัญหาที่ภาครัฐไม่เคยสนใจและกระทรวงเกษตรฯก็ไม่เคยลงมาดู ร่วมทั้งปัญหาเกษตรกรไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองอีกเกือบ 2 ล้านครอบครัว ซึ่งเป็นปัญหาที่รุนแรงและใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ แต่ไม่เคยมีรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐแก้ไขอย่างจริงจัง นายวิฑูรย์ กล่าวว่าหากเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยจะล้าหลังกว่าเวียดนาม ไต้หวันและจีน อย่างแน่นอน เพราะประเทศเหล่านี้มีโครงสร้างที่จัดสรรที่ดินให้เกษตรกรอย่างชัดเจน และมีการแบ่งโซนที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและเพื่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจน และมีกฎหมายคุ้มครองที่เข้มงวด

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (22 พ.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการมูลนิธิไทยคม กล่าวตอนหนึ่งในการเปิดงานปาฐกถาของนายสุลต่าน อาห์เหม็ต บิน สุลาเยม ประธานกลุ่มบริษัท ดูไบ เวิลด์ ว่า ตนขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการเข้ามาดำเนินการลงนามบันทึกความเข้าใจการให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากบริษัท ดูไบ เวิลด์ เพื่อศึกษาความเหมาะสมโครงการแลนด์บริดจ์

“รายการนี้ผมไม่มีเอี่ยว ผมเพียงอยากเห็นเม็ดเงินเข้ามาในประเทศ เมื่อต้นดอกผมไม่ได้ดู แต่เรื่องนี้พอได้ดู ไม่รู้จะทำอะไร อยากเห็นคนรุ่นหลังได้พัฒนา ผมจึงไปพบสุลต่าน ดูไบ เวิลด์ และบอกว่าจะขอให้มาพูดในหัวข้อที่ผมเป็นคนตั้งขึ้นมา อยากให้เล่าว่าเติบโตอย่างไร อัศจรรย์อย่างไร เพราะผมเห็นเรื่องชาติสำคัญกว่า เรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องเล็ก” อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับว่า โครงการแลนด์บริดจ์ ที่ทางดูไบ เวิลด์ สนใจที่จะเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างอ่าวกัลฟ์ (อาหรับ) กับทะเลอันดามัน โดยเป็นท่าเรือน้ำลึกระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ซึ่งใช้ระยะเวลาในการเดินทางเพียง 7-8 วันเท่านั้น

อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เขาจะเลี้ยงต้อนรับนักวิทยาศาสตร์ 2 คนที่คิดค้นการทำจีโนมนุษย์ และคิดค้นการทำแบคทีเรียให้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงมาพบจึงได้เชิญ รมว.พลังงาน มาพบ ในรอบสัปดาห์นี้ยังเชิญนักลงทุนที่มีฐานจากอังกฤษ รวมทั้งเจ้าหญิงคอรีน่า ที่เป็นผู้ดำเนินการกองทุนระหว่างสเปนกับซาอุดีอาระเบีย โดยเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นความสัมพันธ์ในอนาคต และในวันอาทิตย์นี้จะต้อนรับนายฌอง เกเตียง อดีตผู้นำฝรั่งเศส รวมทั้งอดีตผู้นำปากีสถาน อดีตผู้นำเปรู (ฟูจิโมริ) ซึ่งตนคิดว่าในอนาคตอาจจะมีการจัดตั้ง “คลับ อดีตผู้นำ” หรือ “คลับ ออฟ ลีดเดอร์” เพื่อเป็นประโยชน์เพื่อสังคมไทย.



Hidden Agenda in Jakrapop Penkair's eyes (4)


เป้าหมายแท้จริงที่สะท้อนผ่านจักรภพ (4)

จักรภพพูดไว้ที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย เมื่อเดือนกันยายน 2550 ว่า ทักษิณเป็นทางเลือกใหม่ของประชาชน เพราะทักษิณเป็นผู้ทำชีวิตประชาชนให้ดีขึ้นจากเดิมมากกว่า โดยเฉพาะประโยคของจักรภพที่กล่าวว่า "นายกฯทักษิณได้กำจัดอำนาจของระบบอุปถัมภ์ และเปลี่ยนให้เป็นนโยบายสาธารณะ"

จักรภพเปลือยออกมาอย่างล่อนจ้อน

เปลือยให้เห็นเป้าหมายแท้จริงที่ต้องกำจัด

จักรภพยังได้พูดถึงทักษิณต่อไปอีกว่า "ทักษิณไม่ได้รับความไว้วางใจเพราะทักษิณละเมิดกฎของการพึ่งพาอาศัย ท่านเริ่มเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น และนั่นคือบาปในระบบอุปถัมภ์ ทักษิณทำถูกหรือผิดขึ้นอยู่กับประวัติศาสตร์จะเป็นผู้ตัดสิน คุณสามารถลากเขาขึ้นศาลได้ไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้กับประเทศไทย เป็นสิ่งที่ประชาชนไม่เคยรู้สึกมาก่อน"

จักรภพกำลังกล่าวหาระบบอุปถัมภ์ใช่หรือไม่

กล่าวหาว่าการที่ทักษิณไม่ได้รับความไว้วางใจ เพราะทักษิณละเมิดกฎของการพึ่งพาอาศัย ซึ่งจักรภพเคยชี้นำมาก่อนหน้านี้แล้วว่าคือระบบอุปถัมภ์นั่นเอง

จักรภพเชิดชูทักษิณอย่างสุดๆ ในขณะที่ "ระบบอุปถัมภ์" ตามความเข้าใจของจักรภพนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของจักรภพหรืออย่างไรกันแน่

จักรภพได้พูดต่อไปอีกว่า

"ท่านเกือบไม่ได้ทำอะไรให้คนกรุงเทพฯเลย เพราะท่านรู้สึกว่าคนกรุงเทพฯไม่ต้องการท่านมากนัก ถ้าคุณถามคนกรุงเทพฯว่าทักษิณทำอะไรให้พวกเขาบ้าง คงต้องใช้เวลาสัก 2 สัปดาห์กว่าพวกเขาจะนึกออก แต่ถ้าคุณถามประชาชนระดับรากหญ้า พวกเขาสามารถบอกได้ทันที 10 อย่างที่พวกเขารู้สึกว่าได้จากระบบใหม่ของทักษิณ ถ้าถามว่าทักษิณให้ความอุปถัมภ์พวกเขาหรือไม่ ก็อาจเป็นได้ แต่ท่านมิได้หมายความว่าจะต้องทำด้วยวิธีนั้น"

จักรภพไม่เข้าใจหรือแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจกันแน่ว่า คนกรุงเทพฯนั้นเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดกับข้อมูลข่าวสารมากกว่าคนในชนบท ได้รับการศึกษาสูงกว่าคนในชนบท คนกรุงเทพฯคิดเองได้ว่าใครเป็นอย่างไร เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน และปูมหลังความเป็นมาตลอดจนพฤติกรรมในอดีตของทักษิณ นั้นเป็นอย่างไร คนกรุงเทพฯบอกได้โดยไม่ต้องมีใครไปเป่าหูให้เชื่อตาม

จักรภพนำข้อเท็จจริงมาพูดบ้างก็จะดี

คำพูดต่อไปของจักรภพในวันนั้น จักรภพบอกว่า

"ท่านถูกยึดอำนาจขณะที่กำลังรอที่จะกล่าวปราศรัยในที่ประชุมสหประชาชาติ หลังการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เราวางแผนที่จะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น แต่โทรศัพท์จากกรุงเทพฯได้เปลี่ยนแผนทั้งหมด ผมคิดว่าเราพลาด เราควรทำตามแผน เราควรทำให้คณะปฏิรูป รัฐบาลสุรยุทธ์ และพรรคพวกของเขากลายเป็นพวกนอกกฎหมายเช่นเดียวกับเฮงสัมริน กับรัฐบาลฮุนเซ็น เมื่อหลายปีก่อน เราควรทำเช่นนั้น แต่โทรศัพท์จากกรุงเทพฯทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เราจะทำอะไรได้ ผมเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ ในคณะผู้ติดตาม ตอนนั้นผมเป็นผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผมควรจะยืนกรานในเรื่องรัฐบาลพลัดถิ่น และถ้าจะเกิดการเผชิญหน้าการปะทะกันก็ปล่อยให้มันเกิดไป"

จักรภพพูดถึงการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

พูดอย่างไม่คิดว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนในการหาประเทศที่จะยินยอมพร้อมใจร่วมมือด้วย หรือให้การรับรอง

จักรภพยังพูดต่อไปอีกว่า

"เรากำลังพูดถึงแง่มุมประวัติศาสตร์ว่า แม้แต่นายกรัฐมนตรีซึ่งได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน สิ่งที่ท่านทำเป็นการปลดปล่อยประชาชนจากระบบอุปถัมภ์ แต่เมื่อมีการตัดสินใจครั้งสำคัญ ท่านก็ตัดสินใจออกจากระบบอุปถัมภ์ ระบบอุปถัมภ์หยั่งรากลึกและขัดแย้งโดยตรงกับการทำให้เป็นประชาธิปไตย เราต้องทำการเปลี่ยนแปลง

เราต้องถามว่าใครกันที่คอยให้การอุปถัมภ์ประชาชน และผมเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำเช่นนั้น เมื่อคุณเข้าคุกมาแล้วครั้งหนึ่งก็ไม่เป็นไร เราเข้าคุกอีกได้เพื่อให้วัตถุประสงค์ของเราเป็นจริง ไม่เป็นไรเลย"

ชัดเจนหรือไม่ว่าจักรภพต้องการอะไร

คงไม่มีอะไรที่เคลือบแคลงสงสัยต่อไปอีกแล้วใช่หรือไม่ว่า คำพูดของจักรภพในประโยคที่ว่า "สิ่งที่ท่านทำเป็นการปลดปล่อยประชาชนจากระบบอุปถัมภ์ ระบบอุปถัมภ์หยั่งรากลึกและขัดแย้งโดยตรงกับการทำให้เป็นประชาธิปไตย เราต้องทำการเปลี่ยนแปลง" นั้นเป็นคำพูดที่บอกให้รู้ว่าทักษิณต้องการทำอะไร

ต้องการเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จ

เป็นประชาธิปไตยที่ใม่ใช่ "การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" หรือเปล่า

ผู้เขียน : ตาโป๋เป่าปี่
คอลัมน์ : กวนใจให้สะอาด หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 23/5/2008



Jakrapop decides to fight


"จักรภพ"ประกาศสู้ยิบตา คดีดูหมิ่นเบื้องสูง


ได้เวลา : นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานวิปฝ่ายค้าน ยื่นหนังสือถอดถอน นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ระบุถึงพฤติกรรมที่เข้าข่ายใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญและจะยื่นให้ ป.ป.ช.พิจารณาต่อไป

ท้าตำรวจรีบเช็คบิล "ทักษิณ"สั่งให้ถอย

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อเช้าวันที่21 พฤษภาคมกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นสถาบันว่า ถ้านายจักรภพไม่สามารถชี้แจงต่อสังคมได้ ก็ต้องถอย เพราะการอธิบายต้องมีความชัดเจน และคนไทยก็อ่อนไหว ต่อเรื่องสถาบัน ตนไม่อยากให้นำเรื่องสถาบันมาเกี่ยวข้องกับการเมืองเพราะสถาบันต้องอยู่สูงกว่าการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายจักรภพควรดำเนินการอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า นายจักรภพก็มีวิจารณญาณในการฟังกระแสสังคมว่าเป็นอย่างไร ด้านนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯและรมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า นายจักภพ ต้องพิสูจน์ความจริง หากผิดก็ต้องพิจารณาตัวเอง
ส่วน นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ากรณีของนายจักรภพ ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสอบสวนข้อเท็จจริงตามกระบวนการ โดยหากเข้าถึงศาลก็ควรต้องออกจากตำแหน่งซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้ นายจักรภพ มีสิทธิ์ในการทำหน้าที่ต่อได้
ทั้งนี้ ตนได้อ่านคำแปลแล้วทั้งภาษาไทยและอังกฤษแต่ไม่ขอออกความเห็น ส่วนการให้ความเห็นของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี นั้นไม่ขอออกความคิดเห็นเช่นกัน

แนะเพ็ญรับผิด-ขออภัยโทษ
วันเดียวกัน พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายจักรภพ ว่า เรื่องนี้ต้องมาพิสูจน์กันว่าข้อความที่กล่าวไปนั้นไปพาดพิงสถาบันหรือไม่ อันนี้คิดว่าทางตำรวจและฝ่ายความมั่นคงเขาคงจะได้ดูแล
เมื่อถามว่าในช่วงที่เจ้าหน้าที่กำลังทำการตรวจสอบข้อมูลจะให้คำแนะนำอะไรกับนายจักรภพ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า คิดว่าถ้าท่านรัฐมนตรีนายจักรภพหยุดให้สัมภาษณ์เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง ตนคิดว่าความจริงก็คงจะปรากฏขึ้นมา
"เรื่องนี้ทางฝ่ายทหารเขาคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นสถาบันสูงสุดและทหารก็เป็นราชองครักษ์ทุกคน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะต้องติดตาม ผมคิดว่าทุกฝ่ายควรหันหน้ามาพูดกัน แก้กันอย่างไร หยุดกันอย่างไร อะไรที่ผิดพลาดก็ต้องยอมรับผิด อะไรที่ผิดพลาดไปแล้ว โอกาสที่จะขออภัยโทษ หรือขออะไรก็ยังมีอยู่ เพราะเป็นผู้บริหารประเทศนี่"พล.ต.สนั่น กล่าว

ชูศักดิ์เตือนทุกฝ่ายต้องตระหนัก
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นว่า สือควรจะต้องระมัดระวังในการเสนอ ข่าว และอยากฝากขอเสนอแนะในฐานะนักการเมืองคนหนึ่ง วิธีการเคารพเทิดทูลสถาบันที่ดีที่สุดคืออย่าเอามาพูดกันทางสื่อ ทางอะไรต่างๆ
"แม้แต่ข้อบังคับการประชุมสภาฯเขายังพูดไว้ชัดห้ามพูดถึงสถาบันโดยไม่จำเป็น เขามีเจตนารมณ์ชัดเจน ขอฝากไว้แค่นี้"นายชูศักดิ์ กล่าว

"เจ้เพ็ญ"ประกาศขอสู้ตาย
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 17.40 น. นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ให้คนติดตามนำหนังสือบันทึกข้อความฉบับที่ นร.0405 (ลต.2)/3737 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม เรื่อง กรณีไปบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษแก่สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ(FCCT) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 ไปแจกจ่ายสื่อมวลชน
โดยมีข้อความว่า กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ตามที่มีพรรคการเมืองฝ่ายค้านได้นำเอากรณีที่ พ.ต.ท.วัฒนศักดิ์ มุ่งกิจการดี แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีแก่กระผม ในกรณที่กระผมได้ไปบรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษแก่สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ(FCCT) ในวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2550 ก่อนที่จะได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จนบัดนี้พรรคการเมืองฝ่ายค้านได้นำมาเป็นประเด็นกล่าวหากระผมว่า การบรรยายดังกล่าวเป็นความผิดต่อกฎหมายนั้น

ฟ้าผ่าเปรี้ยงหลังเพ็ญประกาศสู้
กระผมได้พิจารณาต่อกรณีที่ถูกกล่าวหาโดยตระหนักแล้วเห็นว่า เพื่อให้กรณีตามที่กระผมได้ถูกกล่าวหาเป็นที่ยุติว่ากระผมได้กระทำความผิดหรือไม่ประการใดนั้น กระผมขอกราบเรียนว่ากระผมพร้อมที่จะพิสูจน์ความผิดและความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งว่า กระผมได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ประการใดนั้น พนักงานสอบสวนอาจจะมีความลำบากใจในการที่จะทำการสืบสวนสอบสวน ดำเนินคดีกับกระผม ก็อาจจะเป็นได้
เพื่อให้กรณีที่ถูกกล่าวหาเป็นที่ยุติจึงขอกราบเรียนต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อได้โปรดแจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้พนักงานสอบสวนทำการสืบสวนสอบสวน กรณีดังกล่าวให้ยุติหมดสิ้นกระแสความ ซึ่งหากปรากฏว่ากระผมได้กระทำความผิดจริงตามที่ถูกกล่าวหา กระผมก็พร้อมที่จะให้ดำเนินคดีและพร้อมที่จะรับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย
จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและสั่งการตามที่เห็นสมควร นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่คนติดตามนายจักรภพ ได้นำเอกสารมาแจกปรากฏว่าเกิดเหตุฟ้าผ่ากะทันหัน ทำให้ไฟดับทั้งทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลากว่า 20 วินาที

เผย"เจ๊เพ็ญ"เครียดจัด
มีรายงาน่า เมื่อเวลาเวลา 10.30 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศในระดับชาติ ขณะที่นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯที่มีรายชื่อในการประชุมด้วย ไม่ได้มาร่วมระชุม
คนใกล้ชิด นายจักรภพ เปิดเผยว่า นายจักรภพ ค่อนข้างเครียดกับกระแสกดดันให้ลาออกมาก และในตอนบ่าย นายจักรภพ ได้เดินทางไปพบผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่นับถือและทีมทนายความเพื่อหารือว่าควรจะทำอย่างไร นอกจากนี้นายจักรภพยกเลิกกำหนดการไปเยือนฟิลิปปินส์ร่วมกับนายสมัครในวันที่ 22พ.ค.แล้ว เพื่อเตรียมชี้แจงเรื่องการพาดพิงสถาบันด้วย

ฝ่ายค้านยื่นถอดเจ้เพ็ญแล้ว
ด้าน สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายอลงกรณ์ พลบุตร เข้ายื่นหนังสือต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อถอดถอนนายจักรภพ เพ็ญแข ออกจากรัฐมนตรี เนื่องจากมีข้อกล่าวหาและพฤติการณ์ที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 271 ของรัฐธรรมนูญ
นายประสพสุขกล่าวว่า เรื่องการตรวจเอกสารคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันศุกร์นี้ หรืออย่างช้าไม่เกินวันจันทร์ และจะนำส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม ซึ่งตนจะทำหนังสือแจ้งไปยังสมาชิกวุฒิสภาทุกท่านว่าขณะนี้มีเรื่องการยื่นถอดถอนเข้ามาแล้ว

เหลิมเดินหน้าจัดการเว็ปไซด์
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขณะนี้ตนตั้งหน่วยรับผิดชอบเกี่ยวกับข้อความที่ไม่สมควร และไม่บังควรในเว็บไซต์ และได้ทำหนังสือถึงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้ตั้งเจ้าหน้าที่กรมการปกครองไปดำเนินการแล้ว โดยเริ่มตั้งแต่บัดนี้ต้นไป เพื่อค้นหาต้นตอของเว็บไวต์ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน โดยใช้เวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก็จะทราบว่าต้นตอของเว็บไซต์ดังกล่าวอยู่ที่ใด จากนั้นก็จะขอหมายศาลไปจับ และเวลาไปตรวจค้นตนจะไปดูด้วยตัวเอง
"ความจริงแล้วใช้เวลาเพียงแค่ 1 -2 ชั่วโมงก็รู้แล้วว่าต้นตอมาจากที่ไหน แต่อยากฝากเตือนไปยังเจ้าของเว็บไซต์ที่เข้าข่ายหมิ่นสถาบันว่า ถึงแม้มีต้นตอมาจากต่างประเทศ ก็ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา กฎหมายสารสนเทศ กฎหมายคอมพิวเตอร์ ความผิดทางปกครอง ซึ่งหากเจ้าของเว็บเห็นแล้วไม่ยอมดำเนินการก็จะถือว่ามีส่วนร่วมในการเผยแพร่สนับสนุน ซึ่งถือว่าเป็นความผิดที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย และดำเนินคดีตามกฎหมายไทย ขึ้นศาลไทย" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว และว่า ตนจะใช้วิธีเจรจาไปยังหน่วยงานเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อขอความร่วมมือในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นระบบ และจริงจัง เชื่อว่าสุดท้ายจะแก้ไขสถานการณ์ได้

"มั่น"ไฟเขียวให้เข้าไปจัดการ
นายมั่น พัธโนทัย รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร(ไอซีที) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต(ไอเอสพี) ยังไม่กล้าปิดกั้น(บล็อก)เว็บไซต์เผยแพร่ข้อมูลที่ส่อหมิ่นสถาบันได้ทันทีหลังจากที่มีการตรวจพบ เพราะเกรงว่าจะเข้าข่ายกระทำความผิด ตามกฎหมายของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)ว่าด้วยการห้ามปิดกั้นการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นถอดถอนใบอนุญาต แต่หลังจากที่กระทรวงไอซีที ได้หารือกับ กทช. แล้ว ก็จะเป็นผู้รับประกันให้กับไอเอสพีทุกรายว่าจะไม่ถูกถอดถอนใบอนุญาตแน่นอน หากสกัดกั้นเว็บไซต์ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างแท้จริง

ทัพบกเตือนอย่าพาดพิงสถาบัน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า หลักเทิดพระเกียรติง่ายๆคือต้องไม่ทำอะไรไปเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียวนายกรัฐมนตรีมีแนวทางแน่ชัดในการแก้ปัญหาอย่าง ซึ่งเหล่าทัพมีความกังวล ทั้งนี้ ทุกคนไม่ควรนำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้องและไม่ควร พูด
เมื่อถามถึงกรณีที่นายจักรภพ ออกมาระบุว่าภรรยานายทหารเป็นผู้แปลคำกล่าว พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบแต่ได้อ่านเอกสารคำแปลแล้ว
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรีประมาณครั่งชั่วโมงคาดว่าเป็นการหารือกรณีนายจักรภพ

ที่มา : ข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์ แนวหน้า วันที่ 22/5/2008
http://www.naewna.com/news.asp?ID=109943



Translation Jakrapop's speech at FCCT


ถอดคำพูด 'จักรภพ'ที่ FCCT(หมดเปลือก......ฉบับภาษาไทย)

การบรรยายของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ประชุมชมรมนักข่าวต่างประเทศ, กันยายน 2550

พิธีกร (โจนาธาน)

เราโชคดีมากที่คุณจักรภพมาในวันนี้เพื่อที่จะให้ความรู้แก่เราในมุมมองที่แตกต่างออกไปจากมุมมองของคณะปฏิรูป ตลอดจนแผนการนำประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศไทย...

จักรภพ

ขอบคุณ โจนาธาน สมาชิกผู้ทรงเกียรติ และเพื่อนๆ ผมอยากเล่าเจาะจงลงไปว่า ผมได้ผ่านอะไรมาบ้าง พวกคุณจะได้เข้าใจสถานการณ์ของผม ผมเพิ่งออกจากคุกคุณเปรม ไม่ใช่คุกทั่วไป แต่เป็นคุกคุณเปรม ซึ่งเป็นวิธีการของคุณเปรมในการสื่อสารกับประชาชนว่าเขาเป็นบุคคลที่แตะต้องไม่ได้คุณเปรมเป็นใคร เขาเป็นตัวแทนของใคร...เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราจะอภิปรายกันในคืนนี้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับประชาธิปไตยในปัจจุบันและในอนาคตของประเทศไทย อย่างที่พวกคุณทราบกันเพราะพวกคุณส่วนใหญ่ก็มีความรู้ดีอยู่แล้วเกี่ยวกับประเทศไทย ตลอดจนความซับซ้อนเรื่องปวดหัวที่ไม่จำเป็นและสถานการณ์ทางการเมืองของไทย โจนาธานกำหนดหัวข้อใหญ่มากให้ผมคือ“ประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ของไทย” ให้เป็นส่วนหนึ่งของการอภิปรายเกี่ยวกับการทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย ซึ่งผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด

ที่จริงหากพิจารณาสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน ก็คงไม่มีหัวข้อไหนเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว วิกฤตทางการเมืองในปัจจุบันตามความเห็นของผม คือความขัดแย้งกันระหว่างประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นความขัดแย้งแบบเผชิญหน้า และจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยและรากฐานของประเทศ ซึ่งเดิมพันสูงมากทั้งสองฝ่ายทั้งประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์ และถ้าท่านพิจารณาผลการลงประชามติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมอย่างจริงจัง ท่านจะเห็นว่าเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนจำนวน 56% และ 41% ของประชากรทั้งหมด ไม่เคยปรากฏมาก่อนที่ประชาชนจำนวนมากออกมาบอกว่า “เราไม่ต้องการการอุปถัมภ์ของท่านอีกต่อไป” เราต้องการประชาธิปไตย มิใช่คนที่มาตบหลังเรา ไม่ใช่คนที่บอกเราว่า “เราจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นเล็กน้อย แต่คุณต้องสำนึกในบุญคุณของเรา” ถึงเวลาแล้วที่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงควรเป็นสิทธิ์ระดับชาติของประชาชนไทยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมเชื่อว่าเราจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ภายในชั่วชีวิตของเรา การเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิงซึ่งกำลังเริ่มขึ้นในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม เราเริ่มต้นด้วยการเป็นประเทศในระบบอุปถัมภ์ พวกคุณส่วนใหญ่คงเคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศไทยและประวัติศาสตร์สั้นๆของประเทศไทย เพราะเราตัดสินใจที่จะนับประวัติศาสตร์ไทยย้อนหลังไปเพียง 700 ปี โดยไม่สนใจช่วง 300 ปีก่อนหน้านั้น เพราะเป็นช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความยุ่งยากทางภาคใต้ ดังนั้นประวัติศาสตร์ชาติไทยจึงถูกเลือกให้เริ่มต้นเมื่อ 700 ปีที่แล้วในสมัยสุโขทัยซึ่งมีสุโขทัยเป็นเมืองหลวง ในรัชสมัยหนึ่งในยุคสุโขทัยเราถูกชักนำให้เชื่อว่ากษัตริย์องค์หนึ่งในสมัยสุโขทัยคือพ่อขุนรามคำแหง เป็น “พี่ชายที่ยิ่งใหญ่” ขอโทษ “พ่อขุนรามคำแหงที่ยิ่งใหญ่” เนื่องจากแนวคิดที่ว่ากษัตริย์เปรียบเหมือนพระเจ้ายังมิได้เข้ามาในแผ่นดินไทยในสมัยสุโขทัย ดังนั้นกษัตริย์ในสมัยสุโขทัยจึงถูกมองว่าเป็น “พ่อที่ยิ่งใหญ่” ผู้ที่มีความเมตตากรุณาต่อประชาชนและให้สิ่งที่ประชาชนต้องการ

ตัวอย่างหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปก็คือพ่อขุนรามคำแหงให้นำระฆังมาแขวนไว้หน้าวัง ผู้ใดมีปัญหาก็สามารถมาเคาะระฆังได้และพระองค์หรือคนของพระองค์ ก็จะออกมาช่วยจัดการแก้ปัญหาให้ เรื่องนี้เป็นหนึ่งในบทเรียนแรกๆ ที่นักเรียนไทยได้เรียนเกี่ยวกับระบอบการปกครองของไทย ว่าเราสามารถที่จะพึ่งพาใครได้ เมื่อเรามีปัญหาก็หันไปหาผู้ที่สามารถช่วยเราได้ ด้วยเหตุนี้ก่อนที่เราจะรู้ตัว เราก็ถูกชักนำเข้าไปสู่ระบบอุปถัมภ์เสียแล้ว เพราะเราเรียกหาการพึ่งพาอาศัย การอุปการะก่อนที่จะใช้ความสามารถของตนเอง สิ่งเหล่านี้เป็นแนวคิดพื้นฐานที่ทำให้คนไทยแตกต่างจากชนชาติอื่นในโลกเราเริ่มต้นมาเช่นนั้น ในสมัยสุโขทัยเรามีกษัตริย์ที่ทำเช่นนั้น ดังนั้นประชาชนจึงมีหน้าที่ที่จะซื่อสัตย์ ประชาชนมีหน้าที่ที่จะต้องมีความศรัทธาในระบบซึ่งมีผู้มอบให้แก่พวกเขาเพราะเป็นระบบที่ใช้ได้ผล ในช่วงเวลานั้นและไม่มีระบบอื่นที่สามารถแข่งได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ไม่มีแนวคิดที่ดีกว่านี้ในการปกครองอาณาจักรไทย ระบบดังกล่าวจึงเป็นระบบที่ดีที่สุดในขณะนั้น

ต่อมาในสมัยอยุธยาซึ่งมีอยุธยาเป็นเมืองหลวงเป็นเวลา 400 กว่าปีแนวคิดที่ว่ากษัตริย์เปรียบเหมือนพระเจ้าถูกนำเข้ามาโดยได้รับอิทธิพลจากอารยะธรรมเขมร กษัตริย์เป็นกึ่งเทพเจ้า เป็นตัวแทนของเทพในศาสนาฮินดูและพระเจ้าที่อยู่เหนือเทพทั้งหลาย ดังนั้นระบบอุปถัมภ์ซึ่งให้ความช่วยเหลือประชาชน เป็นที่พึ่งของประชาชน ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นการปกป้อง ถ้าคุณมีความซื่อสัตย์ต่อกษัตริย์ ความซื่อสัตย์โดยไม่มีความเคลือบแคลงสงสัยใดๆทั้งสิ้น คุณจะได้รับการปกป้อง และเพื่อแสดงให้เห็นการปกป้องอย่างชัดเจน ประชาชนที่ทำในทางตรงกันข้ามจะถูกลงโทษ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าระบบในสมัยอยุธยาเป็นการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของระบบ ประชาชนบางกลุ่มอาจเห็นว่าเป็นการถดถอย บางกลุ่มอาจเห็นว่าเป็นการพัฒนา ไม่ว่าคุณจะเห็นว่าเป็นอะไรก็ตามมันเป็นการผสมผสานระหว่างความเมตตากรุณาของ “พ่อผู้ยิ่งใหญ่” และ “ผู้นำที่ยิ่งใหญ่” กล่าวคือกษัตริย์สมัยอยุธยามีอำนาจและหลักการของอำนาจในสมัยนั้น ก็คือถ้าผู้มีอำนาจมีความเมตตา คุณก็จะได้รับประโยชน์จากอำนาจนั้นด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือสมัยอยุธยาสอนให้คนไทยมีชีวิตอยู่กับอำนาจ จะดำเนินชีวิตอยู่กับอำนาจได้อย่างไรจะเอาตัวรอดจากอำนาจได้อย่างไร และจะทำอย่างไรจึงจะไม่ถูกอำนาจทำลาย แต่สมัยอยุธยาก็ได้ก่อให้เกิดความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ขึ้นในประเทศไทยคือความสัมพันธ์ระหว่างนายกับทาสความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นผู้ดีผู้มียศศักดิ์กับสามัญชน นั่นคือสมัยอยุธยา

ต่อมาก็เป็นสมัยรัตนโกสินทร์ผมจะขอข้ามสมัยธนบุรีช่วง 12 ปีไป ในสมัยรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นสมัยปัจจุบันนั้น ราชวงศ์จักรีเป็นราชวงศ์ที่เริ่มต้นสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างสมัยอยุธยาและทักษะใหม่ๆซึ่งผมจะขอเรียกว่า “การบริหารจัดการความรู้” กล่าวคือความรุ่งเรืองของ “พ่อผู้ยิ่งใหญ่” ผสมผสานกับอำนาจสมัยอยุธยาและความสำคัญของความเป็นกษัตริย์กึ่งเทพเจ้า รวมเข้ากับการบริหารจัดการความรู้ในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยเข้าใจกันว่าความรู้คืออำนาจ ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพูดภาษาอังกฤษในราชสำนัก พระองค์ทรงริเริ่มนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งประดิษฐ์ ตลอดจนสินค้าต่างประเทศซึ่งคนไทยไม่เคยรู้จัก เข้ามาเป็นแหล่งอำนาจแหล่งหนึ่งของพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมิใช่กษัตริย์ผู้เมตตากรุณา มิใช่กษัตริย์ผู้เป็นพ่อที่ยิ่งใหญ่และพระองค์ก็ยังได้รับการยกย่องเช่นนั้นจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า ระบบของไทยมาถึงจุดที่ผู้นำและผู้ปกครองพยายามหาวิธีที่ดีที่สุดในขณะนั้น ที่จะทำให้ประชาชนเชื่อว่าสามารถไว้วางใจและเชื่อถือผู้นำได้โดยวิธีการที่ผู้นำจะทำตัวให้เป็นที่เชื่อถือไว้วางใจ ก็จะแตกต่างกันไปตามยุคสมัยดังที่ผมได้บรรยายมาแล้ว



ขณะนี้เราอยู่ในรัชสมัยของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เรามีทุกสิ่งที่กล่าวมาแล้วรวมกัน และเนื่องจากพระองค์ทรงครองราชย์นานมาก 60 ปีแล้ว พระองค์จึงทรงได้รับยกย่องให้เป็นตำนาน ประชาชนไม่รู้เลยว่าพวกเขากำลังพูดถึงความจริงหรือความเชื่อเกี่ยวกับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงครองราชย์มานานมาก จนสามารถเป็นได้ทุกอย่างรวมกัน ทั้งกษัตริย์ตามที่สืบทอดกันมา กษัตริย์นักวิทยาศาสตร์ กษัตริย์นักพัฒนา กษัตริย์นักทำงาน และขณะนี้พระองค์ยังทรงเป็นผู้พิทักษ์สิ่งประดิษฐ์ใหม่ของประเทศไทย นั่นคือประชาธิปไตย ทั้งหมดนั่นกำลังเผชิญหน้าเราอยู่ เรามีปัจจัยเหล่านี้มากมาย ซึ่งเราต้องปรับปรุงและจัดลำดับใหม่

ในอดีตเราเคยพลาดโอกาสอย่างในสมัยนายปรีดี พนมยงค์ ผู้นำพลเรือนในการปฏิวัติเมื่อค.ศ.1932 หรือพ.ศ.2475 ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงระบบจากการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนั้นตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นายปรีดีกล่าวในเวลาต่อมาว่า เขายึดอำนาจได้เมื่ออายุ 32 ปีและเมื่ออายุใกล้ 50 ปีเขาหมดอำนาจและไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงปักกิ่ง 10 ปี และต่อจากนั้นก็ไปอยู่ฝรั่งเศส เขาไม่เคยกลับมาเมืองไทยเลย มีเพียงเถ้ากระดูกเท่านั้นที่ถูกนำกลับมา เขาเคยกล่าวว่า “เมื่อผมมีอำนาจผมก็ไม่รู้ว่าจะใช้อำนาจนั้นอย่างไร แต่เมื่อผมอายุมากขึ้นและรู้ว่าจะใช้อำนาจอย่างไรผมกลับไม่มีอำนาจแล้ว” แนวคิดที่ว่า เรามีอะไรหรือได้อะไรมา ไม่ถูกเวลา เตือนให้เราทราบว่า เราอาจจำเป็นต้องมีผู้นำที่จะช่วยปรับปรุงทุกสิ่งทุกอย่างให้เราใหม่ ท่านเห็นหรือไม่ว่า ทุกอย่างที่ผมกล่าวมาตั้งแต่ต้น นำไปสู่ความเชื่อที่คนไทยยังคงมีอยู่ว่า ด้วยการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาเช่นนี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องมีประชาธิปไตยเราถูกชักนำให้เชื่อว่า รูปแบบของรัฐบาลที่ดีที่สุด คือประชาธิปไตยที่ถูกชี้นำหรือประชาธิปไตยภายใต้การชี้นำ การนำทางที่ยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นการพัฒนาแนวคิดและความเชื่ออย่างต่อเนื่องมาจนถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งผมมองว่ามันเป็นความขัดแย้งแบบเผชิญหน้ากันระหว่างประชาธิปไตยและระบบอุปถัมภ์

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือคนไทยถูกทำให้รู้สึกสบายใจกับระบบอุปถัมภ์ เราเริ่มใช้คำว่า “ไม่เป็นไร”เพราะไม่มีวิธีอื่นที่จะพูด เราใช้วิธียิ้มตลอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเพราะการยิ้มเป็นวิธีการช่วยให้หลุดพ้นจากปัญหา ไม่มีวิธีอื่น และเราก็มีคำกล่าวและความเชื่อว่า “ค่าของคนคือคนของใคร” ดังนั้นความคิดและคำกล่าวเหล่านี้ ล้วนขึ้นอยู่กับความรู้สึกที่ว่า การที่มีคนคอยอุปถัมภ์เรานั้น เป็นสิ่งที่รับได้

ผมไปศึกษาต่อที่สหรัฐในปี 1992 และผมไม่เคยเข้าใจเลยในตอนนั้นว่าทำไมคนมักจะโกรธเมื่อมีคนคอยช่วยเหลือ เพื่อนผมบางคนตอบอย่างโกรธๆว่า “ไม่ต้องมาคอยช่วย” ผมไม่เข้าใจเพราะผมคิดว่าการที่มีคนคอยช่วยเหลือนั้นเป็นเรื่องถูกต้อง การถูกประจบถูกยกยอเป็นเรื่องปกติ เพราะชีวิตคุณก็ขึ้นอยู่กับคนอื่นด้วย ดังนั้นการที่มีคนคอยช่วยเหลือนั้น ไม่ใช่เรื่องบาป ไม่ใช่ความชั่วแต่ทั้งหมดนั้นก็มาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่เรากำลังขัดแย้งกันในขณะนี้ เพราะมีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาบอกว่า “ไม่ เราไม่ต้องการระบบอุปถัมภ์อัปรีย์ของคุณอีกต่อไป” ประชาชน41% ที่ลงประชามติไม่รับรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยพวกเผด็จการและบริวาร เป็นผลของการวิ่งเต้นครั้งใหญ่ในระบบราชการด้วยการลงทุนด้วยงบประมาณจำนวนมากที่จะเปลี่ยนประเทศทั้งประเทศให้ยอมรับรัฐธรรมนูญ พวกคุณคงยังจำกันได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง และบางคนก็เชื่อว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในกระบวนการรณรงค์การลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญในการนับคะแนนเสียง แต่ทั้งหมดนั่นรวมทั้งเล่ห์กลต่างๆของพี่ใหญ่พวกเขา ก็ได้เพียง 56% ซึ่งก็รวมถึงการติดป้ายโฆษณาใหญ่ทั่วกรุงเทพฯและอาจจะนอกกรุงเทพฯด้วย แต่ผมไม่เห็น ผมเห็นแต่ป้ายโฆษณาจำนวนมากตลอดทางยกระดับดอนเมือง ซึ่งมีข้อความเช่น “พวกเราคนไทยต้องลงเรือลำเดียวกันเราร่วมโชคชะตาเดียวกัน ลงเรือลำเดียวกัน” แต่สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ ชื่อท้ายข้อความบนป้ายที่ว่า“ประชาชนคนเสื้อเหลือง” กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ “ประชาชนคนเสื้อเหลือง” รวมกับเล่ห์กลทุกอย่างแต่คุณกลับได้เพียง 56% นั่นเป็นปัญหาใหญ่ของคุณแล้ว ซึ่งถ้าเช่นนั้นประเทศไทยก็ใกล้จะถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงแล้วดังนั้นสิ่งที่เรากำลังพูดถึงระหว่างประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์คือผมคิดว่าประชาชนเริ่มออกมาจากยุคเก่าแล้ว

ผมเองก็เติบโตขึ้นมาในระบบอุปถัมภ์ผมก็ถูกตามใจด้วย คุณพ่อผมเป็นทหารอากาศและต่อมาก็เป็นนักบินของบริษัทการบินไทย ซึ่งเป็นนักบินคนไทยรุ่นแรกของบริษัท ท่านจึงมีเงินเดือนมากพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวได้ และผมก็ไม่ต้องต่อสู้กับความทุกข์ยากของชีวิตอย่างที่ท่านเคยประสบมา ท่านก็โตมาในระบบอุปถัมภ์เช่นกัน ผมไม่เห็นคุณค่าของอาหารเท่าที่ควร เพราะจะมีคนคอยบริการนำอาหารมาให้ผมที่โต๊ะเสมอ ผมไม่เคยรู้สึกว่ากินอาหารค่ำคืนนี้แล้วจะไม่มีอะไรกินในวันรุ่งขึ้น แต่คุณพ่อของผมผ่านประสบการณ์เช่นนั้นมาแล้ว ผมเติบโตขึ้นมาอย่างสะดวกสบายในระบบนั้น ผมเริ่มสงสัยในแนวคิดของระบบอุปถัมภ์ ในเวลาต่อมาเมื่อผมทำงานเป็นนักข่าวประจำสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง และเริ่มตรวจสอบประเทศไทยและสังคมไทยอย่างจริงจัง ผมพบว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติผมใช้เวลาหลายปี รวมทั้งประสบการณ์ของผมตอนทำงานในรัฐบาลทักษิณที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้ ระบบอุปถัมภ์เป็นตัวปัญหาเพราะมันส่งเสริมความไม่เท่าเทียมกันของปัจเจกบุคคลและนั่นคือความขัดแย้งโดยตรงกับประชาธิปไตย มันส่งเสริมให้คนคิดพึ่งพาคนอื่นมันก่อให้เกิดทาสจำนวนมหาศาล แต่มีนายเพียงจำนวนไม่กี่คน มันขัดขวางมิให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากยุคสมัยเก่า ด้วยเหตุนี้ พวกเราจำนวนมากยังคงเหมือนเด็กอยู่ แม้ว่าจะได้รับการศึกษามานาน แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆในโลกนี้มาเป็นเวลานาน แม้ว่าจะไม่เคยแยกแยะความแตกต่างของวัฒนธรรมต่างชาติมาเป็นเวลานาน คุณลองสังเกตการณ์ต่อสู้ทางการเมืองของไทย แล้วคุณจะพบว่าส่วนใหญ่เป็นเรื่องจุกจิกเล็กๆน้อยๆ วิธีการที่พวกเขาเล่นกันหรือสู้กัน เหมือนเป็นเกมของเด็กเพราะในระบบอุปถัมภ์คุณยังคงเป็นเด็กอยู่ คุณยังคงเป็นคนที่ต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นอยู่ ดังนั้นการคิดเล็กคิดน้อยจึงยังมีอยู่ทั่วไปในประเทศไทย

พวกคุณคงเห็นตัวอย่างล่าสุดที่เกิดขึ้นกับพรรคไทยรักไทย คุณคงได้อ่านข่าวคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีปัญหากับชื่อใหม่ของพรรคไทยรักไทย ตอนนั้นพรรคไทยรักไทยยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นพรรคใหม่ที่ชื่อ “พรรคพลังประชาชน” พรรคพยายามใช้กลอุบายในการเปลี่ยนหรือปรับชื่อเพื่อให้ประชาชนรู้ว่า ยังคงเป็นพรรคไทยรักไทยอยู่ ดังนั้นพรรคจึงเปลี่ยนชื่อและได้รับการรับรองจากกกต. แต่ต่อมากกต.พบว่า ชื่อพรรคที่เปลี่ยนนั้นใช้ตัวย่อ “ทรท.” เช่นเดียวกับพรรคไทยรักไทย กกต.จึงยกเลิกการรับรองการตั้งพรรค เพื่อที่ว่าเราจะได้ใช้ชื่อนั้นไม่ได้ เพราะมันคือทรท.เหมือนเดิม ฝันร้ายของผมกลับมาอีกครั้งหนึ่งกล่าวคือความจุกจิกการคิดเล็กคิดน้อยนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งของการที่เราเล่นเกมการเมืองกันในศตวรรษที่ 21 นี้

นายกฯทักษิณ ซึ่งผมได้ทำงานด้วยและเริ่มรู้สึกชอบท่านเป็นการส่วนตัว ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนกับการละเมอเดินขณะหลับอยู่ นายกฯทักษิณได้กำจัดอำนาจของระบบอุปถัมภ์และเปลี่ยนให้เป็นนโยบายสาธารณะ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์ ผมอยู่กับท่านด้วย ผมจึงทราบว่าท่านมิได้แนะนำนโยบายเหล่านั้นในเชิงปรัชญา ท่านเพียงแต่ต้องการทำงานให้สำเร็จ ท่านต้องการให้ประชาชนชอบท่าน รักท่าน ท่านต้องการเป็นคนรวยที่มีประโยชน์ ซึ่งนั่นคือวิธีที่ท่านจัดการกับเงินของท่าน แต่แล้วความเป็นกันเองของท่าน ก็กลายเป็นความขัดแย้งกับระบบอุปถัมภ์ เพราะสิ่งที่ท่านทำในแบบของท่าน สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 5 ปี ประชาชนระดับรากหญ้าเริ่มรู้สึกว่าพวกเขามีสิทธิ์ พวกเขามีสิทธิ์ที่จะรู้สึกว่าพวกเขาสามารถที่จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิมได้ มากกว่าที่จะรู้สึกว่าดีขึ้นกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย กล่าวคือพวกเขามีทางเลือกใหม่และทักษิณมิได้ทำไปเพื่อท้าทายใคร แต่มีคนที่รู้สึกว่าถูกท้าทายจากสิ่งที่เขาทำ

เมื่อเขาชนะการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก โดยกวาดที่นั่งในสภาได้ถึง 377 จาก 500 ที่นั่งมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นเสียงส่วนใหญ่อย่างแท้จริง ผมจะเล่าความลับให้คุณฟังภายหลังว่า มีการสนทนาส่วนตัว ซึ่งผมไม่สามารถเปิดเผยได้ในคืนนี้ แสดงให้เห็นว่ามีบรรยากาศการข่มขู่คุกคามภายหลังจากที่ทราบผลการเลือกตั้ง ว่าทักษิณกวาดที่นั่งในสภาได้ถึง 377 จาก 500 ที่นั่ง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือทักษิณไม่ได้รับความไว้วางใจ เพราะทักษิณละเมิดกฎของการพึ่งพาอาศัย ท่านเริ่มเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น และนั่นคือบาปในระบบอุปถัมภ์ ทักษิณทำถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับประวัติศาสตร์จะเป็นผู้ตัดสิน คุณสามารถลากเขาขึ้นศาลได้ ไม่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้กับประเทศไทย เป็นสิ่งที่ประชาชนไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ท่านเกือบไม่ได้ทำอะไรให้คนกรุงเทพฯเลย เพราะท่านรู้สึกว่าคนกรุงเทพฯไม่ได้ต้องการท่านมากนัก ถ้าคุณถามคนกรุงเทพฯว่าทักษิณทำอะไรให้พวกเขาบ้าง คงต้องใช้เวลาสัก 2 สัปดาห์กว่าพวกเขาจะนึกออก แต่ถ้าคุณถามประชาชนระดับรากหญ้า พวกเขาสามารถบอกได้ทันที 10 อย่างที่พวกเขารู้สึกว่าได้จากระบบใหม่ของทักษิณ ถ้าถามว่าทักษิณให้ความอุปถัมภ์พวกเขาหรือไม่ ก็อาจเป็นได้ แต่ท่านมิได้หมายความว่าจะต้องทำด้วยวิธีนั้น และผมสามารถบอกคุณได้จากการสังเกตของผมเองว่า ท่านมีความคิดเกี่ยวกับนโยบายเหล่านี้ได้อย่างไร คุณทราบไหมว่าท่านได้วางแผนไว้ว่าในช่วง 2 ปีสุดท้ายของสมัยที่ 2 ที่ท่านเป็นนายกฯ ท่านจะอยู่ในเมืองไทยเพียง 1 ใน 3 ของเวลาทั้งหมด ท่านจะใช้เวลา 2 ใน 3 ของ 2 ปีสุดท้ายเดินทางไปทั่วโลก ท่านกล่าวว่า ท่านจะสวมบทบาทเป็น “พนักงานขาย” ของประเทศไทยในช่วง 2 ปีสุดท้าย แต่ท่านก็สูญเสียโอกาสนั้นไป ท่านถูกยึดอำนาจขณะที่กำลังรอที่จะกล่าวปราศรัยในที่ประชุมสหประชาชาติ หลังจากการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เราวางแผนที่จะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น แต่โทรศัพท์จากกรุงเทพฯได้เปลี่ยนแผนทั้งหมด ผมคิดว่าเราพลาดเราควรทำตามแผน...เราควรทำให้คณะปฏิรูปรัฐบาลสุรยุทธ์ และพรรคพวกของเขากลายเป็นพวกนอกกฎหมาย เช่นเดียวกับเฮงสัมริน กับรัฐบาลฮุนเซนเมื่อหลายปีก่อน เราควรทำเช่นนั้น แต่โทรศัพท์จากกรุงเทพฯทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เราจะทำอะไรได้ ผมเป็นเพียงคนตัวเล็กๆในคณะผู้ติดตาม ตอนนั้นผมเป็นผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผมควรจะยืนกรานในเรื่องรัฐบาลพลัดถิ่น และถ้าจะเกิดการเผชิญหน้าการปะทะกัน ก็ปล่อยให้เกิดไป

เรากำลังพูดในแง่มุมของประวัติศาสตร์ว่า แม้แต่นายกรัฐมนตรีซึ่งได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน สิ่งที่ท่านทำเป็นการปลดปล่อยประชาชนจากระบบอุปถัมภ์ แต่เมื่อมีการตัดสินใจครั้งสำคัญ ท่านก็ตัดสินใจออกจากระบบอุปถัมภ์ ระบบอุปถัมภ์หยั่งรากลึกและขัดแย้งโดยตรงกับการทำให้เป็นประชาธิปไตย เราต้องทำการเปลี่ยนแปลง เราต้องถามว่า ใครกันที่คอยให้ความอุปถัมภ์ประชาชนและผมเชื่อว่า ถึงเวลาแล้วที่จะทำเช่นนั้น เมื่อคุณเข้าคุกมาแล้วครั้งหนึ่งก็ไม่เป็นไร เราเข้าคุกอีกได้ เพื่อให้วัตถุประสงค์ของเราเป็นจริง ไม่เป็นไรเลย

ผมกำลังรอพิจารณาคดีที่สอง ที่ผมถูกกล่าวหาคดีการลอบดักฟังโทรศัพท์ในวันที่ 22 มิถุนายน ระหว่างการประท้วงที่สนามหลวง ผมได้เปิดเผยเทปการสนทนาทางโทรศัพท์ของบุคคล 3 คน สองคนอยู่ในวงการยุติธรรม คนหนึ่งอยู่ศาลฎีกา อีกคนหนึ่งอยู่ศาลอุทธรณ์ อีกคนหนึ่งว่ากันว่า มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดแบบรักร่วมเพศกับผู้มีอำนาจ และพวกเขากำลังพูดกันถึงวิธีที่จะนำพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการจัดการกับรัฐบาลทักษิณ และจัดการกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเข้าข้างทักษิณ เรื่องราวที่เหลือ คุณก็ติดตามได้จากรายละเอียดในหนังสือพิมพ์ไทย อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาถูกบังคับให้เผชิญกับความจริงเกี่ยวกับวิธีการทำงานของระบบอุปถัมภ์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของระบบอมาตยาธิปไตย วิธีการที่พวกเขาช่วยเหลือเกื้อกูลกันและใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ วิธีการที่พวกเขาดูถูกประชาชนโดยไม่สนับสนุนเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน วิธีการที่พวกเขาคิดว่าประชาธิปไตยต้องถูกชี้นำ ดังนั้นเทปการสนทนานี้จะเป็นคดีใหญ่จากนี้ต่อไป ตำรวจกล่าวหาว่าผมกับเพื่อนของผมลอบดักฟังโทรศัพท์โดยผิดกฎหมาย แต่มันไม่ใช่ประเด็น มันเป็นความตั้งใจของบุคคลที่สามในการสนทนานั้น ที่จะอัดเทปเอาไว้และเขาก็จะแสดงตัวในไม่ช้านี้ ตอนนั้นเขาเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้นคดีนี้จะถูกพิจารณาในศาล ความตั้งใจของผม ไม่ใช่การพิสูจน์ว่าผมดักฟังเทปหรือไม่ แต่ผมต้องการเอาคุณเปรม-พลเอกเปรม-และผู้พิพากษา 2 คนขึ้นศาล นั่นคือความตั้งใจของผม และเมื่อนั้นผมก็จะเผชิญหน้าคุณเปรมในศาล และถามท่านว่า ทำไมผู้นำที่ยิ่งใหญ่อย่างท่านจึงมีความสงสัยในประชาธิปไตยเช่นนี้ ท่านเคยเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ แต่ท่านเปลี่ยนไป ผู้ที่เคยเป็นผู้นำที่ประเทศไทยจะขาดเสียไม่ได้ กลายเป็นผู้นำที่อยู่ผิดเวลา คุณเปรมเป็นสัญลักษณ์ของอะไรหลายอย่าง เราได้เรียนรู้จากคุณเปรมว่า คนดีคนหนึ่งเมื่อแก่ตัวลง ซึ่งไม่เกี่ยวกับอายุ แต่เกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิด ที่ไม่กล้าได้กล้าเสียอีกต่อไป ความรู้สึกที่อยากถอยเวลากลับไปหาเวลาในอดีตที่เขารู้สึกพอใจ แต่คนแก่คนนี้ไม่เหมาะที่จะมีอิทธิพลต่อประเทศไทยอีกต่อไป

ผมขอโทษ ผมมีเวลามากจนผมอยากจะบอกว่า ไม่ว่าผมจะอยู่ในคุกหรือนอกคุก ผมพบว่าประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันโดยตรง และการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่23 ธันวาคมนั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ สถานการณ์หลังการเลือกตั้งจะเลวร้ายลง เพราะเล่ห์เหลี่ยมทั้งหลายจะถูกนำมาใช้จนหมด แล้วจุดประสงค์ที่แท้จริงก็จะถูกเปิดเผยออกมาว่า ทำไมคุณถึงไม่ยอมให้มีประชาธิปไตยในประเทศนี้ ถ้าคุณไปที่สนามหลวงคุณจะมีความรู้สึกเหมือนผมว่า ประชาชนคนไทยไม่ใช่เด็กอีกต่อไป พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ที่ถูกบังคับให้ใส่เสื้อผ้าของเด็ก พวกเขารู้สึกหงุดหงิดอึดอัดทั้งใจและกาย และพยายามดิ้นรนที่จะปลดปล่อยตัวเองผมไม่ทราบว่าพวกเขาจะทำได้อย่างไร แต่พวกเขาจะต้องทำได้

ผมขอจบตรงนี้ผมหวังว่าความคิดเห็นของผมจะทำให้เกิดคำถามและการอภิปรายต่อจากนี้ ผมอยากได้ยินความคิดเห็นและคำถามของท่าน ผมอยากทราบว่าท่านมองประเทศไทยอย่างไรเพราะพวกท่านหลายคนก็อยู่ในเมืองไทยมานาน แล้วพวกท่านบางคนก็รักเมืองไทยมากซึ่งผมก็ไม่อยากทำลายความรู้สึกของท่าน ผมจึงอยากทราบว่าท่านรู้สึกอย่างไร ขอบคุณครับ



ถาม

ในตอนหนึ่งคุณพูดว่าประเทศไทยต้องการผู้นำที่จะมาปรับเปลี่ยนสถาบันต่างๆในปัจจุบัน คุณกล่าวว่าระบบอุปถัมภ์เป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าคุณจะคิดว่าประเทศไทยจะได้รับการแก้ไขและคลี่คลายได้หากมีผู้นำที่มีอำนาจ ซึ่งคุณกล่าวถึงคุณทักษิณซึ่งคุณเคยทำงานให้ ผมสงสัยว่าภายใต้ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นระบบอุปถัมภ์เช่นกันมิใช่หรือ ทักษิณก็อาศัยระบบอุปถัมภ์ในการเอาประชาชนมาเป็นพวกเช่นเดียวกัน มิใช่หรือ

ตอบ

ผู้นำที่ผมพูดถึงอาจไม่ใช่คุณทักษิณที่จริงผมควรใช้คำว่า “ภาวะการเป็นผู้นำ” มากกว่า “ผู้นำ” ผมต้องการพูดว่า ระบบอุปถัมภ์ได้เปลี่ยนแปลงและจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ให้ถูกต้อง แต่เมื่อประชาชนเริ่มปฏิเสธระบบอุปถัมภ์ พวกเขาต้องการภาวการณ์เป็นผู้นำ ที่แตกต่างจากเดิม เพื่อช่วยให้พวกเขาทำสิ่งต่างๆจนสำเร็จ ผมก็ไม่ทราบเช่นกันว่า การเป็นผู้นำแบบใหม่จะมีลักษณะเช่นใด แต่ถ้าคุณถามผม ถ้าผมต้องให้ความเห็น ผมก็อยากจะบอกว่า การเป็นผู้นำแบบใหม่จะต้องสามารถลดความไม่เท่าเทียมกันของสิทธิที่ประชาชนในเมืองใหญ่และในส่วนอื่นของประเทศถูกเอาเปรียบลงได้ กล่าวคือนโยบายที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน จะต้องเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ประชาชนเชื่อว่าพวกเขามีสิทธิ์มีเสียง คุณทักษิณซึ่งตอนนี้ก็อายุใกล้ 60 แล้วและมีความสุขดี ยิ่งตอนนี้มีความสุขมากขึ้นกับทีมฟุตบอล Manchester City ผมจึงไม่แน่ใจว่าคุณทักษิณจะอยากสวมบทบาทนี้ ท่านสนุกกับการเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย แต่ท่านบอกว่าถ้าเจ้าของเขาไม่ชอบสิ่งที่ท่านทำ ผู้จัดการมืออาชีพอย่างท่านก็สามารถไปทำงานให้บริษัทอื่นได้ ทัศนคติเดิมๆนี้ไม่ค่อยจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ดังนั้นการเป็นผู้นำแบบใหม่ที่ผมพูดถึงนั้น ควรจะต้องเป็นผู้บุกเบิกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

ถาม

คุณพูดถึงความจำเป็นในการมีผู้นำจะไม่เป็นการดีที่สุดหรือ ถ้าประเทศไทยมีผู้นำประเทศที่ค่อนข้างอ่อน แต่มีการเมืองระดับท้องถิ่นที่ไม่หยุดนิ่งและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นการที่คุณรอให้มีผู้นำที่จะมาให้ความช่วยเหลือ ก็เท่ากับว่าคุณกำลังคิดถึงสิ่งเดียวกับ “การอุปถัมภ์” ที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน

ตอบ

ไม่ครับ ผมไม่ได้กำลังรออัศวินม้าขาวมาช่วยพวกเรา ผมกำลังบอกว่าขณะนี้เป็นสภาวะของการไม่มีอัศวินม้าขาว ผมกำลังพูดในสิ่งที่ตรงกันข้าม ขณะนี้เป็นสภาวะของการไม่มีอัศวินม้าขาว และสถานการณ์ปัจจุบันก็จะไม่จบเหมือนเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ไม่มีใครที่จะทำให้มันจบลงได้ เพราะทุกคนมีส่วนร่วมทั้งนั้น คุณเห็นไหมว่าไม่มีกรรมการตัดสิน ดังนั้นอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ แต่ผมเดาว่าต้องอาศัยมือหนักๆ ของคนบางคน ตัวอย่างเช่น พลเอกสพรั่ง, พลตำรวจเอกเสรีพิสุทธิ์ แล้วคุณก็จะเห็น ที่จริงพวกเขาควรจะแต่งตั้งบุคคลที่เป็นเผด็จการมากที่สุดให้ดำรงตำแหน่งที่ต้องทำให้เป็นประชาธิปไตย แล้วเราก็อาจจะได้เห็นอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อเกิดการปฏิวัติ มักจะไม่มีใครรู้จักผู้นำ ดังนั้นผมจึงไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นผู้นำ

ถาม

คุณจักรภพ คุณพูดถึงความพยายามของคุณทักษิณที่จะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น คุณช่วยเล่าให้พวกเราฟังได้ไหมว่า คุณทักษิณกำลังวางแผนที่จะทำอะไรตอนที่มีโทรศัพท์จากเมืองไทยขอไม่ให้เขาเคลื่อนไหว

ตอบ

ผมเข้าคุกมาครั้งหนึ่งแล้ว และผมจะพยายามที่จะไม่ทำให้ตัวเองต้องทำเช่นนั้นอีก สิ่งที่ผมจะพูดได้ในที่นี้คือ ท่านไม่ได้เป็นคนต้นคิดเรื่องรัฐบาลพลัดถิ่น พวกเราบางคนต้องการทำเช่นนั้น และเราได้ทาบทามบางประเทศ ซึ่งผมไม่อยากเอ่ยชื่อ แต่ไม่ต่ำกว่า 10 ประเทศในคืนนั้น ถามว่าพวกเขาจะรับรองรัฐบาลพลัดถิ่นของเราหรือไม่ และพวกเขาบอกว่าจะรับรอง ถ้าท่านเดินหน้าต่อไปเรื่องรัฐบาลพลัดถิ่น ผมคิดว่าท่านจะทำสำเร็จ แต่นั่นคือประโยคที่มีคำว่า “ถ้า” ใครเป็นคนโทรศัพท์ไปผมขอโทษผมเปิดเผยในที่นี้ไม่ได้แต่เรา...

ถาม

ชื่อขึ้นต้นด้วยตัว “ป” หรือเปล่า

ตอบ

(หัวเราะ) ที่จริงมันก็เป็นแบบนั้นแหละ โทรศัพท์ครั้งนั้นทำให้ท่านเปลี่ยนความคิดในตอนนั้นซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ท่านจะออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทางสถานีโทรทัศน์ อสมท.ช่อง 9 เวลาประมาณ 21.20 นาฬิกา ก่อนนั้นไม่นาน ผมอยู่ในกรุงเทพฯเพราะเราก็ระแคะระคายว่า อาจเกิดเหตุการณ์บางอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม ท่านก็ต้องเดินทางไป ต่อจากนั้นท่านบินจากนิวยอร์กมาลอนดอน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากกว่าที่จะจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ลอนดอนถ้าเทียบกับสหประชาชาติ ดังนั้นผมจึงทราบว่าท่านล้มเลิกความคิดนั้น แต่มันไม่ได้มีที่มาจากท่าน


ถาม (ปีเตอร์)

คุณจักรภพ ผมจำไม่ได้ว่าคุณใช้คำว่าอะไร คุณพูดคล้ายๆคำว่า “ละเมอเดิน” ตอนที่บรรยายถึงพัฒนาการของคุณทักษิณ ในฐานะที่เป็นวีรบุรุษแห่งประชาธิปไตย คุณช่วยขยายความให้ละเอียดขึ้นได้ไหม คุณคิดว่าคุณทักษิณมีความสนใจที่จะส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศไทยจริงหรือ มิใช่ว่าเขาเพียงแต่ผูกขาดระบบอุปถัมภ์เท่านั้นหรือ และถ้าเขาละเมอเดินในบทบาทของวีรบุรุษประชาธิปไตยอย่างที่คุณกำลังบรรยายอยู่นี่ เขาเป็นนักประชาธิปไตยจริงหรือเปล่า เขาเป็นนักการเมืองประชาธิปไตยที่แท้จริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเขาเป็นวีรบุรุษโดยบังเอิญ ซึ่งเราคิดว่าคุณกำลังพยายามโฆษณาอยู่หรือ

ตอบ

ท่านเป็นผลิตผลผลิตผลของระบบอุปถัมภ์และระบบเผด็จการผู้ซึ่งพยายามที่จะเป็นประชาธิปไตยให้มากกว่าที่ท่านอาจเคยเป็น ท่านต่อสู้ตลอดเวลาระหว่างการเป็นนักธุรกิจแบบเสรีนิยมและการเป็นนายตำรวจ เป็นความขัดแย้งภายในตัวของท่านซึ่งคุณควรคุยกับ....ไม่ใช่ผม แต่ประเด็นก็คือท่านดีพอที่ผมจะทำงานด้วย เพราะผมต้องการคนบางคน เราต้องการคนที่จะนำทางเราไปสู่แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ถ้าประเทศไทยยังถลำลึกอยู่ในระบบอุปถัมภ์ตามที่พวกคนเก่าๆ ทำให้เป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษา ทำไมเราจะต้องมีโรงเรียน หานายสักสอง-สามคนแล้วคุณก็จะสบาย เพราะอย่างไรก็ตาม คุณก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การศึกษาและความรู้ของคุณถ้าคุณต้องการ มีประเทศที่เต็มไปด้วยประชาชนที่มีพลังและประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆคุณต้องจัดหาเวลาที่เท่าเทียมกันให้พวกเขา –ผมหมายความว่าพวกคุณ-เพื่อให้สามารถแสดงความคิดเห็นและความต้องการของตัวเองออกมาได้ในสังคมนั้น

เพื่อที่จะตอบคำถามของปีเตอร์ ผมเชื่อว่าคุณทักษิณพยายามที่จะเป็นประชาธิปไตย คนรุ่นเดียวกับท่านแทบจะไม่เป็นประชาธิปไตยแม้แต่นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยก็กลายเป็นเผด็จการ เมื่อคุณทำงานใกล้ชิดกับพวกเขา นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยบางคนในประเทศไทยทุบตีภรรยา ซึ่งแย่มากประชาธิปไตยแบบไหนกัน ดังนั้นมันคือการต่อสู้ระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการ ซึ่งคุณทักษิณและคนรุ่นเดียวกับท่าน ต้องทำ ผมไม่กล้าที่จะพูดว่าท่านเป็นอะไร แต่ผมกำลังบอกว่า เมื่อผมพูดว่าท่านละเมอเดินไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบาย ผมหมายความว่า ท่านมิได้ตั้งใจที่จะรวบอำนาจจากระบบอุปถัมภ์เก่า ท่านไม่ทราบว่าสงครามกำลังดำเนินอยู่ ท่านไม่ทราบว่าคนบางคนเป็นเจ้าของประชาชนที่ยากจน ท่านจึงโพล่งคำบางคำออกมา โดยที่ไม่ทราบว่า จะทำให้คนที่ได้ยินเจ็บใจแค่ไหน ท่านเคยพูดไว้ครั้งหนึ่งก่อนที่ผมจะมาทำหน้าที่โฆษกว่า “ผมเบื่อพวกนายหน้าคนจน” พวกที่ชอบพูดถึงคนจนและความยากจนตลอดเวลา แต่ไม่เคยทำอะไรซักอย่าง คุณรู้ไหมว่าคุณไม่สามารถให้จิตใจคนแทนที่จะให้ชีวิตที่ดีกว่าได้ คุณไม่สามารถให้โครงการที่ต้องการผลลัพธ์ นั่นคือวิธีที่ท่านคิด ซึ่งเป็นเหตุให้ผมคิดว่า บางครั้งละเมอเดินในแง่ที่ว่า ท่านไม่ทราบว่าจะเกิดผลกระทบจากสิ่งที่ท่านทำ แต่ต่อมาท่านก็ตระหนักว่าสิ่งที่ท่านทำ ทำให้เกิดผลกระทบ ดังนั้นสิ่งที่เรากำลังพูดถึงที่จริงก็คือความเป็นผู้นำร่วมกัน ทักษิณไม่ใช่เผด็จการผมทำงานกับท่านมาและผมจะเป็นคนแรกที่ก้าวออกห่างจากท่าน ถ้าท่านเป็นเผด็จการ แต่ท่านเป็นเพียงคนๆหนึ่งที่มุ่งมั่นอยู่กับ.....และพยายามที่จะทำงานให้สำเร็จ ไม่เคยมีผู้นำของไทยคนไหนที่เป็นแบบนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นเผด็จการในความคิดของประชาชน เพราะคุณมุ่งมั่นอยู่กับ.........คุณยืนกรานว่าจะต้องทำให้ได้ภายใต้การเป็นผู้นำของคุณ ซึ่งก็ถูกคนบางคนตีความว่าเป็นเผด็จการ แต่ถ้าคุณได้พบท่าน ได้ใช้เวลาอยู่กับท่าน คุณจะทราบว่า ท่านไม่ใช่ ท่านไม่มีเมล็ดพันธุ์นั้นอยู่ในตัวของท่าน ผมไม่ได้บอกว่าท่านเป็นซุปเปอร์แมน แต่ท่านดีกว่าผู้นำแก่ๆ ที่มีคนบอกให้ผมเคารพ ผมอยากที่จะทำงานภายใต้สามัญชนที่ดีเพียงครึ่งเดียว มากกว่าที่จะทำงานให้กับผู้สูงศักดิ์ที่โง่

ถาม (ไซมอน)

คุณจักรภพคุณจะลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 23ธันวาคมหรือเปล่า ถ้าลงจะเข้าร่วมกับพรรคใดและคุณบอกได้ไหมว่า พรรคนั้นเป็นตัวแทนของอะไร หรือจะทำอะไรให้ประเทศไทย ถ้าคุณตัดสินใจว่าคุณจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้เนื่องจากคุณรณรงค์ต่อต้านรัฐธรรมนูญ คุณจะทำอะไรในลักษณะอื่นเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองของคุณ

ตอบ

ขอบคุณไซมอนเราได้ 377 ที่นั่งในสภา แล้วเราก็ถูกยึดอำนาจ ดังนั้นการชนะการเลือกตั้งอาจไม่ใช่ประเด็นหลัก ดังนั้นพวกเราทุกคน พวกเราบางคน ซึ่งกำลังต่อสู้อยู่ที่สนามหลวงกำลังพิจารณากันว่า เราควรลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าเราลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็หมายความว่าเราต้องมีเวทีใหม่ที่จะแสดง การรณรงค์หาเสียงสำหรับเราก็จะเป็นเวทีสนามหลวงอีกเวทีหนึ่ง แต่ถ้าเราไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็หมายความว่า เราจะหาอะไรทำนอกกระบวนการเลือกตั้ง เพื่อปกป้องระบบของมันให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้ เราไม่ได้ยกย่องตัวเองว่าเป็นผู้พิทักษ์อะไร แต่เราจะพยายาม พรรคที่เราจะสังกัดก็ไทยรักไทยอะไรก็ได้ อาจเป็นไทยรักจีนผมจะสังกัดพรรคนั้นแหละ

ถาม (ปีเตอร์)

ผมแบ่งคำถามสำหรับคุณทั้งสองคนจากที่เราอ่านพบ พรรคพลังประชาชนมีสส.เก่าของพรรคไทยรักไทยจำนวนมากและผมเดาว่าก็จะลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย ผมมี 2 คำถาม 1.คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพื่อที่จะสกัดไม่ให้พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งและ 2.คุณทั้งสองคิดอย่างไรกับการที่พรรคที่มีสมัครเป็นหัวหน้าพรรคอาจได้เป็นรัฐบาล

ตอบ

ผมอยากให้แน่ใจว่าฟังคำถามของคุณถูกต้อง คำถามแรกอะไรจะมาขัดขวางไม่ให้พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง

ถาม

อะไรจะมาขัดขวางจะมีการทำอะไรที่จะสกัดไม่ให้ชนะ

ตอบ

เล่ห์เหลี่ยมของอีกฝ่ายหนึ่ง.....

ถาม

ใช่และคำถามที่ 2 คุณทั้งสองคิดอย่างไรกับพรรครัฐบาลภายใต้การนำของสมัครเขาเป็นคนอย่างไร

ตอบ

สำหรับคำถามแรกพวกเขาพยายามอย่างมากที่จะจัดสรรงบประมาณลงในภาคอีสาน พวกเขามีคนอย่างอดีตสส.พรรคไทยรักไทยนายวิวัฒนไชย ณ กาฬสินธุ์ ซึ่งออกมาประกาศว่า เขาจะตั้งกลุ่มอีสานและพยายามที่จะยึดคะแนนเสียงให้ได้มากที่สุดจากพรรคพลังประชาชนหรือพรรคไทยรักไทยเดิม เล่ห์เหลี่ยมแบบนี้–ผมไม่รู้สิ–อาจมีอีกมาก แต่ผมคิดว่าเล่ห์เหลี่ยมสำคัญคือการประณามทักษิณว่าเป็นคนสารเลว พวกเขาจะยังคงทำต่อไป และอะไรก็ตามที่ผมคิดว่าครอบคลุมเรื่องนี้

สำหรับคำถามที่ 2 สมัครมาจาก…จาก—ถ้าคุณใช้วิธีการคิดแบบตะวันตก คุณจะตราหน้าว่าสมัครเป็นพวกขวาจัด แต่ถ้าคุณดูท่านให้ดีและติดตามเรื่องราวของท่าน คุณจะพบว่าท่านอยู่ในระบบอุปถัมภ์อย่างชัดเจน ผมหมายความว่าท่านเป็นอนุรักษ์นิยมสุดกู่ ซึ่งยอมที่จะสละตำแหน่งง่ายๆ ถ้าถูกขอร้อง นั่นคือคุณสมัคร แต่แล้วท่านก็ตัดสินใจที่จะปกป้องทักษิณเมื่อท่านอายุ 70 ต้นๆ ท่านอายุ 70 กว่าแล้วนะ ทราบไหม ท่านไม่ใช่นักการเมืองหนุ่มแล้ว แต่ท่านก็ตัดสินใจกระโดดเข้ามาปกป้องทักษิณในครั้งนี้

source : http://forum.serithai.net/index.php?topic=26208.0



Sondhi disclosed new evidence of Jakrapop Penkair


ยามเฝ้าแผ่นดิน : “สนธิ” แฉหลักฐานใหม่ “เพ็ญ” สุดจาบจ้วง - เปิดโปง “จิ๋ว” รับแผน “แม้ว” ตัดตอน “จักรภพ-หมัก”

“สนธิ” แฉซ้ำพฤติกรรม “จักรภพ” สุดเหิมเกริม ปราศรัยเป็นภาษาไทยที่แอลเอ ท้านรก กล่าวหา “หลวงตาบัว” หวังเป็นสังฆราชทางลัด จาบจ้วงเหน็บแนมคนใกล้ชิดราชวงศ์เป็นพวก “ตอแหล” แถมอ้างคนที่อยู่เบื้องหลังยึดอำนาจ 19 ก.ย.ใหญ่กว่า “พล.อ.เปรม” พร้อมแฉ “พ่อใหญ่จิ๋ว” รับแผน “แม้ว” เดินเกมตัดตอน “จักรภพ-สมัคร”


รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม 2551 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ดำเนินรายการ

สนธิ - สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ.2551 ก็ย่างเข้ากลางเดือนแล้ว อะไรต่ออะไรก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมามากมายพอสมควร วันนี้มีเรื่องราวที่จำเป็นต้องพูดอีกครั้งหนึ่ง การที่ผมได้มาออกอีกครั้งหนึ่งนั้นไม่ได้แปลว่าผมจะออกทุกๆ ศุกร์ แต่เผอิญศุกร์ที่ผ่านมานั้นเป็นวันที่ผมจำเป็นต้องมาออก เพราะว่ามันเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตมาก คือเรื่องอธิปไตยของชาติไทยในกรณีเขาพระวิหาร กาลเวลาผ่านไป 7 วัน มีความต่อเนื่องอย่างมากมายหลายประการ ตลอดจนเรื่องราวของคุณจักรภพ เพ็ญแข เรื่องราวของ คุณสมัคร สุนทรเวช และล่าสุด เรื่องราวของคนที่ชื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ออกมาพูดเสียงแปร่งๆ ทะแม่งๆ ทำให้มีข้อสงสัย พูดไปได้เพียง 1-2 วัน ตัวตนที่แท้จริงก็โผล่ออกมา โผล่อย่างไรประเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังนะครับ

จริงๆ ผมไม่อยากจะพูดถึงคุณจักรภพ เพ็ญแข เท่าไหร่ เพราะว่าเดี๋ยวจะหาว่ารังแกกัน วันนี้ผมเรียนท่านผู้ชมตรงๆ ผมสงสารคุณจักรภพ เพ็ญแข ผมพยายามแผ่เมตตาให้เขาทุกเช้าเวลาผมสวดมนต์ ที่ต้องแผ่เมตตาให้เข้าก็เพราะว่า ความที่เขามีอวิชาสูงมาก มิจฉาทิฐิ ค่อนข้างที่จะเต็มใจ มันทำให้เขากลายเป็นคนน่าสงสาร ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่าเรื่องราวที่เขาไปพูดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อประมาณเดือนกันยายน พ.ศ.2550 ที่ตอนนั้นเขาพูดจาแล้วหมิ่นเหม่สถาบันกษัตริย์เป็นอย่างมาก

สนธิ - แล้วก็พูดจาที่มีนัยไปในทิศทางที่ทำให้คุณจักรภพถูกตั้งข้อสงสัยว่าคุณจักรภพนั้นกำลังทำอะไรอยู่ คำพูดของคุณจักรภพนั้น สื่อมวลชนไม่เคยออกมารายงานเลย ก็จะมีเฉพาะหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ แล้วก็รายการยามเฝ้าแผ่นดิน ตลอดจนข่าวในเอเอสทีวีเท่านั้นที่ได้เอาเรื่องราวนี้มาอธิบายความจนกระทั่งเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต

ที่สำคัญคือ คุณจักรภพก็พูดออกมาบอกว่า คนที่เอาเรื่องราวต่างๆ มาพูดนี่ใช้ภาษาไม่ถูกต้อง คือคุณจักรภพพูดเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อแปลเป็นภาษาไทยแล้ว คนที่มากล่าวหาคุณจักรภพนั้น กล่าวหาไม่ถูกต้อง คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งท่านเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ท่านไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่เด็ก ที่โรงเรียนอีตัน โรงเรียนอีตัน นี่เป็นโรงเรียนของชนชั้นศักดินา ที่คุณจักรภพไม่ชอบ แล้วก็ท่านต่อไป จนเรียนจบออกซฟอร์ด ท่านบอกว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่รู้ภาษาอังกฤษก็มีอยู่ไม่น้อย เมื่ออ่านแล้วก็เห็นว่าเป็นตามที่สื่อมวลชนว่าจริง

สนธิ - หลังจากนั้นแล้วก็มีการตีข่าว การกระพือข่าวจากสื่อมวลชนทุกๆ ฝ่าย เสร็จเรียบร้อยแล้วเริ่มมีการตั้งข้อสังเกตว่ามันมีขบวนการอะไรหรือเปล่า ที่ไม่ใช่มีเพียงแค่คุณจักรภพ เพ็ญแขเท่านั้น โยงไปโยงมา จนกระทั่งคุณสมัครอดรนทนไม่ได้ก็ออกมาปกป้องคุณจักรภพ โดยปกป้องอย่างเต็มตัว สุดลิ่ม โดยบอกว่า คุณจักรภพไม่ได้พูดอย่างนั้น เข้าใจผิดกันไป หรือนัยก็คือว่า ภาษาอังกฤษคุณจักรภพดีเกินกว่าที่คนไทยในประเทศนี้จะสามารถแปลออกมาได้ถูกต้อง

เอาละครับ ผมหวังว่าคุณจักรภพจะได้ดูรายการผมวันนี้ ผมเองภาษาอังกฤษอาจจะสู้คุณจักรภพไม่ได้ เพราะผมไม่ได้เรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยจอห์นฮอบกินส์ ผมจบแค่ปริญญาตรีที่ยูซีแอลเอ แมกนา คุม เลาเดอ (magna cum laude) เกียรตินิยมอันดับ 2 สาขาประวัติศาสตร์ เราไม่เถียงกันเรื่องภาษาอังกฤษดีกว่า ผมสู้คุณไม่ได้หรอก เพราะว่าคุณพูดออกมาแล้วว่าคุณภาษาอังกฤษเก่งกว่าคนอื่น เรามาฟังภาษาไทยกันดีกว่าไหมที่คุณไปพูดที่ลอสแองเจลิส เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2550 13 วันก่อนจะมีการเลือกตั้ง

สนธิ - ในการไปพูดที่ลอสแองเจลิสของคุณนั้น คุณพูดให้ฟังในกลุ่มเครือข่ายที่รักคุณทักษิณ คุณคงไม่รู้นะครับว่ามีคนส่งคลิปมาให้เราฟัง เป็นเสียงคุณ เนื้อหาไม่ต้องแปลเพราะว่าเป็นภาษาไทย ในการพูดครั้งนี้คุณพูดถึงคน 3 คน คนแรกคุณพูดถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ผม องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน คุณพูดถึงท่านในทางที่ผิดข้อเท็จจริง และในทางธรรมนั้น คุณไปว่าพระอริยสงฆ์เช่นหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน นั้นคุณตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดหรอก แต่ผมไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อในบาปบุญคุณโทษหรือเปล่านะ เพราะว่าถ้าคุณเชื่อในบาปบุญคุณโทษ คุณคงไม่ใช่คนที่แสดงกริยา วาจา อย่างทุกวันนี้ที่คุณแสดง

คนที่ 2 ที่คุณกล่าวหาเขา จากการพูดที่ลอสแองเจลิส นี่คือ คุณด่าคนใกล้ชิดราชวงศ์ว่าเป็นพวกตอแหล คุณด่าคนใกล้ชิดราชวงศ์จักรีว่าเป็นคนที่ตอแหล และคนสุดท้ายที่คุณพูดถึง คุณบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลัง 19 กันยายน ที่ปฏิวัตินั้น ใหญ่กว่าป๋าเปรม คุณจักรภพครับ คุณลงนรกไปแล้วครึ่งตัว จากการซึ่งคุณพูดจาไปตลอด วันนี้ผมจะเอาหลักฐานประจักษ์พยานให้คุณดู เพื่อจะได้ส่งคุณลงนรกไปให้เต็มตัวเลย

สนธิ - ท่านผู้ชมครับ ชอบมีคนมากล่าวหาผม มาว่าผม ว่าผมนี่ชอบดึงฟ้ามาต่ำ เหมือนกับคนทุกวันนี้ที่บอกว่าเบื่อ ไม่อยากยุ่งการเมือง เหมือนกับคนที่ชอบต่อว่าผม หรือคนที่หวังดีกับผมก็บอกว่า คุณสนธิอย่าไปพูดถึงเรื่องสถาบัน ท่านผู้ชมครับ ผมไม่พูดไม่ได้ แล้วผมพูดนั้น ผมไม่ได้พูดเพราะว่าผมรับจ้างใครมาพูด ผมมาพูดเพราะว่าผมเป็นพสกนิกร นอกจากทำตามความเชื่อ ความศรัทธา ตามจารีตประเพณี ว่าผมมีพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว และผมก็ยังมีพ่อหลวง ซึ่งมีพระคุณต่อแผ่นดินไทย คนที่มีคุณูปการ มีบุญคุณกับชาติบ้านเมือง ใช้ธรรมปกครองแผ่นดินมาร่วม 50 ปี ผมพูดเพราะว่าจิตใต้สำนึกผม รู้ว่าผมเป็นข้าในพระบาท หลายคนซึ่งไม่ชอบผมอาจจะบอกว่าเป็นลิเกเหลือเกิน คุณสนธิ

ก็จากการซึ่งมาบอกว่าคุณสนธิ คุณอย่าเอา ดึงฟ้ามาต่ำ มันก็เลยเกิดกระบวนการ ฝั่งหนึ่งต้องการให้ผมหยุดพูด หยุดนำเรื่องนี้ สื่อมวลชนอื่นก็ไม่แสดง เมื่อสื่อมวลชนอื่นไม่แสดง บางครั้งทหารใหญ่ก็บอกว่าอย่าดึงฟ้ามาต่ำ บางครั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ก็บอกว่าอย่าดึงฟ้ามาต่ำ ก็เพราะว่าทุกคนมัวปิดหูปิดตาตรงนี้ ก็เลยทำให้อีกฝ่ายหนึ่งใช้จุดอ่อนตรงนี้เป็นหลุมพรางกับดัก ทำให้เราตกหลุมลงไป แล้วเขาก็ขยายเครือข่ายขบวนการของเขาขึ้นมา

สนธิ - ผมจะให้ดูหนังสือ 2 เล่ม คุณปานเทพคงเคยให้ดูแล้ว หนังสือเล่มนี้ชื่อว่าหนังสือ “ฟ้าเดียวกัน” หนังสือเล่มนี้ถูกเก็บไปแล้ว สมัยยุค พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ที่ถูกเก็บเพราะอะไร เพราะเราโวยวายขึ้นมา ท่านผู้ชมดูหน้าปกซิครับ หน้าปกเขาทำเป็นรูปโคคาโคล่าใช่ไหม แต่ไม่ใช่ยี่ห้อโคลาโคล่า เขาเขียนสถาบันกษัตริย์กับสังคมไทย นัยอยู่ตรงไหน ก็คือว่า กลุ่มคนพวกนี้คือกลุ่มเดียวกับคุณจักรภพ กลุ่มพวกเดียวกับอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคน เป็นคนซึ่งเห็นว่าสถาบันกษัตริย์ไม่ได้มีอะไรนอกจากเป็นยี่ห้อๆ หนึ่งเท่านั้นเอง เหมือนสินค้าชิ้นหนึ่ง มาเล่มหลังสุด

ท่านผู้ชมดูแล้วคับคล้ายคับคลาโฆษณาหรือว่าเป็นขวดอะไรหรือเปล่า นี่คือขวดเหล้าแบล็คเลเบอร์ หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าสถาบันกษัตริย์นั้นคือสถาบันที่มอมเมาประชาชน เห็นหรือยัง เราปล่อยให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมามากต่อมาก เราปล่อยให้เว็บไซต์เกิดขึ้น เราปล่อยให้เว็บมนุษยดอทคอมเกิดขึ้น จนกระทั่งต้องมีการสู้กัน แล้วมีคนที่อยู่เบื้องหลังปิดเว็บมนุษยดอทคอม คนที่ดำเนินการปิดเว็บมนุษยดอทคอม ก็คือ คุณปีย์ มาลากุล ซึ่งคุณสมัครเรียกว่า ไอ้หัวเถิก ท่านมีหน้าที่ปกป้องราชวงศ์ ราชบัลลังก์ ท่านทำทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง คุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา ดำเนินการปิดเว็บมนุษยดอทคอม หลังจากนั้นมีอีกหลายเว็บ แม้กระทั่งเว็บไฮ-ทักษิณ

สนธิ - พอบอกว่า เว็บไฮ-ทักษิณ ในความเห็น ในเนื้อเรื่องเว็บไฮ-ทักษิณ ก็ไปหมิ่นเหม่ ไปจาบจ้วงสถาบันตลอดเวลา ASTV คนดำเนินรายการคนในข่าว คนดำเนินรายการยามเฝ้าแผ่นดิน ทั้งผม ทั้งคุณคำนูณ ทั้งคุณปานเทพ ทนไม่ไหวต้องอธิบาย ต้องพูดจา ผมขึ้นเวทีที่ธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม และเมื่อวันที่ 25 เมษายน ผมก็พูดเลยว่าเว็บไฮ-ทักษิณ มีปัญหา มีความพยายามต่อต้าน ขอให้ตำรวจ ขอให้รัฐบาลจัดการกับเว็บไฮ-ทักษิณ ก็ไม่มีใครจัดการได้สักคน จนกระทั่งเรื่องมันเริ่มจะลุกลามมากขึ้น

ในที่สุดเว็บไฮ-ทักษิณ ปิดตัวเองได้ด้วยคำพูดของคุณพงศ์เทพ เทพกาญจนา เลขาฯ ส่วนตัวของคุณทักษิณ คุณพงศ์เทพ พูดยังไงรู้ไหม ไม่อยากให้ใช้ชื่อคุณทักษิณอยู่บนเว็บไซต์ แค่นั้นเอง วันรุ่งขึ้นเว็บไฮ-ทักษิณ ปิดเลย แปลว่าอะไร ผมเกรงว่าประชาชนจะเข้าใจไปว่า คุณพงศ์เทพอาจจะรู้เห็นเป็นใจหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ แต่ทำไมแค่คุณพงศ์เทพพูดประโยคเดียวก็ปิดเลย ผมยังเชื่อมั่นว่าคุณพงศ์เทพไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่สายสัมพันธ์แบบนี้คนมันอดคิดไม่ได้

สนธิ - และยังมีอีก ยังมีเว็บ “รู้ทันราชวงศ์จักรี” ซึ่งประเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งถูกปิดไป และถูกปิดไปง่ายดายเหลือเกิน แค่คนบางคนยกหูโทรศัพท์พูดเท่านั้นเอง ก็ปิดแล้ว แสดงว่าคนที่ยกหูโทรศัพท์พูดนั้นต้องรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ ถ้าไม่ ถ้าอย่างนั้นทำไมปิดกันง่ายๆ อย่างนี้ ยูทูบ มีเรื่องราวที่ไม่ดีเลย เกี่ยวกับราชวงศ์ ไม่มีใครทำอะไร ไม่มีอะไรทั้งสิ้น การไม่ยอมเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีจากนายโชติศักดิ์ เพราะว่าถูกสั่งสอนจากอาจารย์บางคนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บางคน และอาจารย์บางคนจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขบวนการแบบนี้แผ่กระจายไป ทำให้คนมีความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย กระบวนการนี้มีมานานแล้ว ท่านผู้ชมครับ คุณจักรภพ คุณยอมรับไหมว่ากระบวนการนี้มีมานานแล้ว มีมาตั้งแต่ก่อน 19 กันยาฯ แต่เจริญเติบโตอย่างมหาศาลหลัง 19 กันยาฯ แล้วก็เจริญเติบโตในยุคที่ นปก.ใช้ความถ่อย ความเถื่อน เข้าไปก้าวร้าวจาบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะที่ท่านเป็นประธานองคมนตรี คุณเองก็พูดจาถึง พล.อ.เปรม ในทางที่ไม่ดี จาบจ้วงถึงขนาดเอากุ๊ยสารเลวมาควักของลับออกมาชูอยู่ที่หน้าบ้าน พล.อ.เปรม ซึ่งผมพูดคราวที่แล้วว่าผมเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ผมไม่เคยเจอสังคมไทยในยุคไหนเลวทรามต่ำช้าเท่ากับสังคมไทยในยุคที่รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาล และในยุคที่ นปก.ออกมาประท้วง

สนธิ - นี่ไม่ใช่กระบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย นี่เป็นขบวนการสถุน ขบวนการถ่อย ขบวนการกุ๊ย อันธพาล รับจ้างมา เพียงเห็นแต่เศษเงินของคนบางคนเท่านั้น มาทำ ขบวนการต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นตลอดเวลา เกิดไปถึงกระบวนการนักวิชาการที่มา เกิดไปถึงกระบวนการทางการเมือง ผมเคยพูดว่ามันเป็น 3 ประสานกัน ทางการเมืองก็ซื้อเสียงเข้ามา มีเงินก็ซื้อศาล มีเงินก็ซื้อ กกต. อีกประสานหนึ่งก็ใช้พวกอาจารย์มหาวิทยาลัยบางคน นักศึกษา หรืออดีตฝ่ายซ้ายบางคน ซึ่งได้ผลประโยชน์

บางคนถูกเคลียร์หนี้เคลียร์สินจากคนที่อยู่เบื้องหลัง ก็ทิ้งอุดมการณ์ตัวเองเข้ามา แล้วก็มาพูดบอกว่าทุนสามานย์ ยังดีกว่าศักดินาล้าหลัง ซึ่งวันนี้ศักดินาอำมาตยาธิปไตยมันไม่มีแล้ว มีที่ไหนล่ะ คนที่รวยที่สุดในประเทศไทย ไม่ใช่ คุณเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของกระทิงแดง ลูกเจ๊กลูกจีน คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้าง ก็ลูกเจ๊กลูกจีน คุณธนินทร์ เจียรวนนท์ ก็ลูกเจ๊กลูกจีนเหมือนกัน คุณไล่ดูสิ 1-10, 1-20 , 1-30 ล้วนแล้วแต่คนทำมาค้าขายทั้งนั้น อ๋อ ลืมไป อีกคนหนึ่งคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั่นก็คือคนรวยหนึ่งในที่สุดของประเทศไทยเช่นกัน ศักดินาอำมาตยาธิปไตยอยู่ที่ไหน มีแต่ทางการเมืองเท่านั้นเองที่ใช้ทุนไปซื้ออำมาตยาธิปไตย เพราะฉะนั้นคนพวกนี้กำลังสร้างเรื่องเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง

สนธิ - เอาล่ะ ผมปูพื้นมาพอสมควร เรามาดูดีกว่าว่าคุณจักรภพ เพ็ญแข ได้พูดอะไรไว้ 3 เรื่อง จำไว้นะครับท่านผู้ชม เรื่องแรก พูดถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ผม องค์หลวงตามหาบัว ซึ่งผมเคารพและเทิดทูน เมื่อผมบวชอยู่ ผมไปจำวัดที่วัดป่าบ้านตาด ท่านเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ผมมาเกือบ 20 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเป็น คุณจักรภพพูดถึงหลวงตามหาบัว กล่าวหาว่าท่านอยากเป็นสังฆราช ฟังซะก่อนครับ

คลิก! ชมการปราศรัยของ “จักรภพ”กรณีหลวงตามหาบัว(56K) |(256K)

“หลวงตาก็เจริญธรรมมาและก็มีญาติโยมไปขึ้นกันมาก ต่อมาญาติโยมนั้นก็เลยกลายเป็นเน็ตเวิร์กที่ต่อมาคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ใช้อย่างสบายใจ เช่น ท่านผู้หญิงสุทธาวัลย์ เสถียรไทย แม้กระทั่งพระบรมราชวงศ์ชั้นสูง ก็มีความเคารพในหลวงตามหาบัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ ก็เสด็จฯ โดยเฉพาะเวลาหลวงตามากรุงเทพฯ ก็เสด็จไป

โดยเฉพาะจำได้ไหมที่หลวงตาหาทองมาเพื่อชำระหนี้ประเทศตอนนั้น เป็นพีกของหลวงตา เป็นระยะที่หลวงตามีชื่อเสียงที่สุด ว่าเป็นพระพิเศษไม่เหมือนพระทั่วไป สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารีก็เสด็จที่วัดหลวงป่าบ้านตาด

เอาล่ะ ทั้งหมดนั้นทำให้หลวงตาเองก็อยู่ในสถานะพระพิเศษ ปรากฏว่า ผู้ช่วยของหลวงตาที่มีชื่อว่า ทองก้อน ซึ่งบัดนี้แตกกันไปแล้ว ทองก้อนนี่เป็นคนที่ให้ความคิดกับหลวงตาว่า หลวงตามีอาวุโสในทางพระ ที่เรียกว่า พรรษาสูงกว่าทุกองค์ที่อยู่ในพระราชาคณะ

ผมไม่ทราบว่าพูดอย่างไรล่ะ แต่ดูเหมือนกับว่าต่อมาความต้องการจะเป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ คือ สมเด็จพระสังฆราชก็เกิดขึ้น แทนที่จะไปตามอริยศักดิ์ทั่วไป ก็คิดจะขึ้นทางด่วน

เรื่องที่จะลัดขึ้นเคยมีคนใช้คำนี้ไว้แล้ว แต่ใช้ในทางที่ดี คือ พระพยอม กัลยาโณ วัดสวนแก้ว ซึ่งเป็นพระพิศาลธรรมวาที รู้สึกตอนนี้จะเลื่อนสมณศักดิ์แล้ว คนที่จำได้ท่าน เล่าให้ผมฟัง พระพยอมนี่เป็นพระครูธรรมดา แต่พระเจ้าอยู่หัวนี่โปรดเกล้าฯ ให้เป็นท่านเจ้าคุณ คือ เป็นพระพิศาลธรรมวาที เรียกว่าท่านเจ้าคุณที่พิศาลธรรมวาที ก็เรียกว่าเจ้าคุณพยอมนั่นเอง

เคยเล่าให้ผมฟังว่า ในหลวงตั้งอย่างนี้ปรู๊ดปร๊าดรวดเร็ว วันที่เจ้าคุณพยอมไปรับพระราชทานพัดยศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จมาเป็นระยะๆ เรียกว่า มีพระราชปฏิสันถารกับพระแต่ละองค์ พอมาถึงพระพยอมท่านเป็นพระนักพูด มีปฏิภาณในการพูด ท่านก็ถวายพระพร บอกว่า พระมหาบพิตรแต่งตั้งพระองค์อย่างนี้มีคนเขาว่าเหมือนขึ้นลิฟต์ ก็กราบทูลอย่างนั้น พระเจ้าอยู่หัวก็รับสั่งสวนทันทีว่า ให้ขึ้นลิฟต์ไปทำงาน จะกลัวอะไร

เพราะฉะนั้นคำว่าขึ้นลิฟต์มันก็มีในสารบบขึ้นมา ก็คือ การข้ามทางไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ผมไม่รู้ว่าหลวงตาท่านคิดเรื่องนี้หรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าทองก้อนคิด พี่น้องทราบไหมครับว่า วัดในเมืองไทย ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก หลายหมื่นวัด ถ้านำเอาที่ หรือที่เรียกว่าธรณีสงฆ์ และโบราณวัตถุต่างๆ ศาสนสถานวัตถุต่างๆ มารวมกันทั่วประเทศ กิจการคณะสงฆ์จะมีทรัพย์สินรวมกันทั่วประเทศประมาณ 4 แสนล้าน พี่น้องทราบเรื่องนี้ไหมครับ แล้วพี่น้องนึกภาพต่อไปไหมครับว่า ทำไมคนอยากเป็นใหญ่ในวงการนี้”

สนธิ - คุณจักรภพครับ ผมไม่อยากจะพูดว่าคุณนี่เลวจริงๆ คุณจะด่าผม ผมไม่ว่าหรอก แต่คุณไปกล่าวหาพระอริยสงฆ์อย่างองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ซึ่งชีวิตท่านทั้งชีวิต ท่านไม่ต้องการอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านบรรลุหมดทั้ง 3 โลกธาตุ ท่านอ่านจิตคุณออก ท่านรู้ เงินเขาเอามาถวายท่าน 1-2 ล้าน วันรุ่งขึ้นมีคนเข้ามาที่วัดขอท่านไปช่วยโรงพยาบาล ช่วยโรงเรียน ท่านให้หมด ท่านบาทนึงท่านก็ไม่ได้เก็บเอาไว้ สลึงนึงท่านก็ไม่ได้เก็บเอาไว้ ท่านหาทองคำมาช่วยชาติ หมื่นกว่ากิโล ผมยังช่วยท่านหาทอง ผมเข้าไปในวัดผมเคยใส่สร้อยคอทองคำ ท่านพระอาจารย์เชอรี่ท่านกระตุกสร้อยคอออก

สนธิ - ท่านบอกว่าใส่ทำไม ช่วยชาติไป ผมถอดตรงนั้นถวายท่านไป ท่านเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง การที่คุณพูดเช่นนี้คุณจาบจ้วงมากเลย กล่าวหาโดยกลายๆ ว่า องค์หลวงตามหาบัวอยากจะเป็นสมเด็จพระสังฆราช คุณนี่ไม่รู้จักท่าน ที่สำคัญคุณไม่เข้าใจธรรม คุณเข้าใจคำว่าธรรมไหม ผมเป็นคนเอาธรรมนำหน้าผมถึงสู้นายคุณได้ไง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะว่าผมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ผม วันที่ผมตัดสินใจลุกขึ้นมาสู้เพื่อประชาชนคนไทย พ่อแม่ครูอาจารย์บอกว่า ให้เอาธรรมนำหน้า

ท่านบอกว่าให้เอาธรรมนำหน้า คุณจวบจ้วงอย่างที่ไม่กลัวบาปเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากนั้นแล้วคุณยังแอบอ้างเอากระแสพระราชดำรัสอย่างไม่เหมาะสม กระแสพระราชดำรัสซึ่งมีพระราชดำรัสกับพระพยอมกัลยาโณ ซึ่งคุณก็ไม่ได้ฟังด้วยตัวเอง คุณรับฟังมาอีกทอดหนึ่ง แล้วคุณมาถ่ายทอดในที่สาธารณะ คุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไร คุณเห็นทุกอย่างเป็นของเล่นไปหมดเลยหรอคุณจักรภพ นอกจากนั้นแล้ว คุณยังพูดให้คนเข้าใจว่า การที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ต้องการเป็นพระสังฆราช เพราะต้องการไปดูทรัพย์สินของวัด 4 แสนล้าน

สนธิ - คุณอย่ามาปฏิเสธ วัดในเมืองไทยมีอยู่หลายหมื่นวัด ถ้านำเอาทุกอย่างมารวมกันแล้ว กิจการสงฆ์มีทรัพย์สินทั่วประเทศประมาณ 4 ล้าน พี่น้องทราบเรื่องนี้ไหมครับ และพี่น้องนึกภาพต่อไปไหมครับว่าทำไมคนอยากเป็นใหญ่ในวงการนี้ คุณบ้าหรือเปล่า ผมนี่สงสารคุณมากรู้ไหม คุณทะเลาะกันทางโลกยังไม่พอ คุณยังหาเรื่องตกนรกอีก ผมไม่รู้ว่าคุณเชื่อในบาปบุญคุณโทษหรือเปล่า ผมไม่รู้ว่าคุณเคยบวชหรือเปล่า ผมนี่บวชมา 2 ครั้งในชีวิตผม 2542 ครั้งหนึ่ง แล้ว 2550 ปลายปีอีกครั้งหนึ่ง ผมก็ไม่รู้ว่าคุณเคยปฏิบัติธรรมไหม ถ้าคุณปฏิบัติธรรม คุณจะรู้ว่าธรรมที่แท้จริงนี้คืออะไร แล้วส่วนหนึ่งของธรรมที่พ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมเคารพอยู่จะเน้นนักเน้นหนา คือเรื่องสัจจะ สัจจะคือพูดจาคำไหนคำนั้น ไม่กลับกลอก หลักฐานของคุณมีหมด เพราะคุณกลับกลอกตลอดเวลา

เอาล่ะ เรามาดูต่อไป ถึงเรื่องที่ 2 คุณด่าคนใกล้ชิดราชวงศ์เป็นคนตอแหล แต่ก่อนที่คุณจะพูดนิดหนึ่ง ผมจะอธิบายให้คุณฟังหน่อย คุณพูดบอกว่า “หลวงตาก็เจริญธรรมมาและมีญาติโยมไปขึ้นกันมาก ต่อมาญาติโยมนั้นก็เลยกลายเป็นเน็ตเวิร์ก ที่ต่อมาคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ใช้อย่างสบายใจ เช่น ท่านผู้หญิงสุทธาวัลย์ เสถียรไทย แม้กระทั่งราชวงศ์ชั้นสูงก็มีความเคารพในหลวงตามหาบัว” ผมจะบอกคุณเอาบุญนะ ผมเป็นลูกศิษย์ท่านตั้งแต่ปี 2536 คุณนับไปสิกี่ปีแล้ว 15 ปีแล้ว 15 ปีแล้วที่ผมเป็นลูกศิษย์ท่าน และผมก็ไม่เคยเข้าไปหาท่าน ผมเข้าไปฟังธรรมห่างๆ ผมช่วยท่านพิมพ์หนังสือ เรื่องจิต เป็นแสนเล่ม ถวายให้ท่าน แล้วก็ไม่ได้เคยเข้าใกล้ชิดท่านเลยแม้แต่นิดเดียว คุณเข้าใจผิด ผมไม่ได้ไปใช้เน็ตเวิร์กอะไรท่าน ผมไม่ได้ใช้เน็ตเวิร์กอะไรของท่านเลยแม้แต่นิดเดียว

สนธิ - ท่านผู้หญิงสุทธาวัลย์ เสถียรไทย เป็นภริยาของคุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ในชีวิตผมเจอท่านผู้หญิงสุทธาวัลย์ เพียง 2 ครั้ง พร้อมคุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ผมไม่ทราบว่าผมไปใช้เน็ตเวิร์กอะไรท่าน ผมยังไม่รู้เลยว่าคนชั่วคนไหน คนเลวทรามต่ำช้าคนไหนทำใบปลิวมาโจมตีผมกับท่านผู้หญิงสุทธาวัลยสุ แล้วก็กล่าวหาอย่างบาปที่สุด เพราะท่านหลวงตามหาบัวท่านเป็นคนกลางที่แนะนำให้ผมรู้จัก แล้วเป็นแฟนกับท่านผู้หญิงสุทธาวัลย์ เสถียรไทย

คุณจักรภพรู้ไหม ที่เลวทรามต่ำช้าบัดซบที่ทำใบปลิว คุณรู้จักไหมว่าใคร ถ้ารู้ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหม ถ้ารู้ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหม ผมถึงประหลาดใจไงคุณมาอ้างว่าผมใช้เน็ตเวิร์กยกตัวอย่างท่านผู้หญิงสุทธาวัลย์ เสถียรไทย คุณนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ นะ ผมสงสารคุณมาก ผมสงสารคนที่ใช้นามสกุลเดียวกับคุณ เพ็ญแข ผมสงสารเขาจริงๆ นะครับ เรามาดูตอนที่ 2 ที่คุณพูดด่าคนใกล้ชิดราชวงศ์เป็นพวกตอแหล เอามาดูให้ชัดๆ

คลิก! ชมการปราศรัยของ “จักรภพ”กรณีคนใกล้ชิดราชวงศ์(56K) |(256K)

“มันเริ่มมีสัญญาณที่แปลก คุณสนธิเริ่มตั้งขบวนการนี้ที่เรียกว่า เรารักในหลวงจำได้ไหมครับ ใส่เสื้อเหลืองเป็นยุคแรกๆ คือ เสื้อเหลืองนี่ เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลทักษิณโปรโมตขึ้น และทำให้คนแสดงความจงรักภักดีอย่างกว้างขวางที่สุดในประวัติศาสตร์ อันนี้ฝีมือรัฐบาลทักษิณที่คนเขาว่าไม่จงรักภักดีนั่นแหละ

เดี๋ยวๆเรื่องพระเจ้าอยู่หัวกับนายกฯ ทักษิณจะพูดอีกทีหนึ่ง อยากจะทบทวนความจำเหมือนกันว่า เกิดอะไรขึ้น ผมอยู่ในที่เกิดเหตุตั้งหลายเรื่อง ก็เลยเล่าได้ เอาเรื่องนี้ก่อน คุณสนธิสร้างพลังเสื้อเหลืองขึ้นมา พูดง่ายๆ คือ ยุให้วังกับรัฐบาลตีกัน เพราะเห็นแล้วว่าไม่มีทางอื่นจะโค่นทักษิณได้ ยกเว้นจะว่าให้ตีกับในวัง หรือให้ในวังไม่ชอบ เพราะในวังนี่มีคนหลายประเภท พระบรมวงศานุวงศ์ระดับสูงเรายกไว้ แต่บุคคลที่เชื่อมระหว่างพระบรมวงศานุวงศ์ทั่วไปกับบุคคลข้างล่าง เป็นคนหลายหลากความคิดและจิตใจ หลายหลากผลประโยชน์ และที่สำคัญก็คือว่ามีลักษณะเหมือนคอร์ตทั่วๆ ไป

ท่านเคยดูหนังจีนไหมครับ คนที่เป็นขุนนางในหนังจีนเขาจะมีความสามารถอะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่เป็นทักษะคือ ต้องมีความสามารถในการตอแหล คำว่า ตอแหลไม่ได้เป็นคำด่า แต่เป็นคำไทยแท้ที่แปลว่า ความจริงส่วนหนึ่ง ความเท็จส่วนหนึ่ง แล้วก็บิดเบือน มีความสามารถในการจับจริงมานิดหนึ่งให้คนพอเชื่อ แล้วผสมกับความเท็จลงไป”

สนธิ - ตอแหลนี่ต้องใช้กับคุณ ผมเกิดมายังไม่เคยเจอใครตอแหลมากเท่าคุณเลย คุณพูดออกมาได้อย่างไรว่า เสื้อเหลือง เป็นความคิดของคุณทักษิณ ชินวัตร คุณไม่อายตัวคุณเองบ้างหรือ ถ้าคุณไม่อายตัวคุณเอง คุณอายคนที่รู้ความจริงบ้าง เสื้อเหลืองมาจากการเทิดทูนในหลวงของคนไทยทั้งชาติ ไม่ใช่มาจากคุณทักษิณ ถ้าคุณจำได้เดี๋ยวผมจะแนะให้

คุณจำได้ไหม พวกคุณนี่ได้สร้างกระบวนการเสื้อแดงขึ้นมา สร้างตอนไหน คุณจำได้ไหมที่ทำเนียบรัฐบาล ตอนพวกผมประท้วงอยู่น่ะ พวกคุณรวมหัวกันใส่เสื้อแดง ส.ส.เชียงใหม่ หลายคน ก็สร้างกระบวนการเสื้อแดงขึ้นมาที่เชียงใหม่ เพื่อสวนกับเสื้อเหลือง พวกผมใส่เสื้อเหลืองเพราะว่าพวกผมเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ พวกผมไม่ใช่เจ้าของเสื้อเหลือง ไม่ใช่เจ้าของกระบวนทัศน์เสื้อเหลือง แต่พวกผมทำเพราะว่าใจบริสุทธิ์ เทิดทูนองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แล้วคุณก็มากล่าวหา และคุณมาหาว่าผู้ที่รับใช้เบื้องพระยุคลบาทเป็นคนตอแหล คุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไร คุณรู้ได้ยังไงว่าเขาตอแหล

สนธิ - คุณพูดว่าคุณทักษิณ เทิดทูนพระเจ้าอยู่หัว ตลอดเวลา ผมจะบอกอะไรให้คุณจักรภพทราบนิดหนึ่ง พ่อแม่ครูอาจารย์ องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เคยพูดออกมาในหมู่สงฆ์ส่วนตัว และผมก็เผอิญอยู่ในที่นั้นด้วย เมื่อมีคนถามถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ท่านบอกว่ามันไม่ใช่ลูกศิษย์ของเรา มันเลวยิ่งกว่าเทวทัต คุณรู้ใช่ไหมว่าพระเทวทัตคือใคร แล้วท่านเคยเทศน์ ท่านเทศน์ว่าอย่างไร คุณจักรภพจำได้ไหม คุณไม่จำหรอก เพราะว่าคุณไม่เคยฟังท่านเทศน์

ผมนี่ฟังท่านเทศน์ประจำ ท่านเทศน์บอกว่า ท่ามกลางประชาชน ลูกศิษย์ลูกหาที่วัดป่าบ้านตาด ในช่วงที่ผมประท้วงอยู่ ท่านเทศน์บอกว่า "ทักษิณ แผ่นดินก็จะไม่มีอยู่ เงินทองมีเท่าไรก็จะหมดไป แม้แต่ชีวิตก็ยังรักษาไว้ไม่ได้" ท่านเทศน์ตอนนั้นคุณทักษิณยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ แล้วท่านพูดต่อ "ถ้าไม่รีบกลับตัวกลับใจ ทำคุณงามความดีให้ชาติบ้านเมือง จะต้องลงนรกอย่างแน่นอน" ท่านเป็นคนพูดเช่นนี้จริงๆ ถ้าคุณติดตามพ่อแม่ครูอาจารย์ผม อย่างใกล้ชิด แล้วถ้าคุณมีความศรัทธาในตัวท่าน ว่าท่านเป็นอริยสงฆ์จริงๆ คุณต้องฟังที่ท่านเทศน์ แล้วผมยังไม่เห็นท่านเทศน์ผิดตรงไหนเลยแม้แต่นิดเดียว

สนธิ - ถ้าจะเสียใจ เสียใจอยู่นิดเดียว สิ่งที่ท่านเทศน์เอาไว้นั้น เกิดขึ้นช้าไปหน่อย เท่านั้นเอง แต่ผมจะบอกให้คุณอย่างนะคุณจักรภพ พ่อแม่ครูอาจารย์ผมไม่เคยพูดอะไรผิดเลย ไปถามลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่กับท่านมาเป็นสิบๆ ปี พ่อแม่ครูอาจารย์ผมท่านไม่เคยพูดอะไรผิดเลยแม้แต่นิดเดียว อย่าถามผมว่าทำไมผมกล้าพูดคำนี้ แล้วคุณดูต่อไปว่าในที่สุดแล้วธรรมะจะชนะอธรรมหรือเปล่า อีกเรื่องหนึ่ง สำคัญมากคุณจักรภพ คุณบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติใหญ่กว่าป๋าเปรม เชิญฟังอีกทีหนึ่ง

คลิก! ชมการปราศรัยของ “จักรภพ”กรณีการยึดอำนาจ 19 ก.ย.(56K) |(256K)

“คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ผมทำงานด้วยไม่อยากจะวิจารณ์ผู้บังคับบัญชาเลย แต่นี่บ้านเมืองใหญ่กว่า ความรู้สึกส่วนตัว คุณสุรเกียรติ์อยู่ได้จนถึงนาทีสุดท้าย เพราะอะไร อยู่เพื่อจะกระซิบคุณทักษิณที่นิวยอร์กว่า อย่าไปสู้เลยเพราะรัฐประหารครั้งนี้ สูงมาก

ซึ่งเป็นผลให้คุณทักษิณตัดสินใจไม่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น เพราะอยากเห็นความสมานฉันท์ในบ้านเมือง ผมนะเสียใจมากถ้ารู้ว่ารับมืออยู่กับโจรก็เชียร์ให้ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นไปซะนานแล้ว ทางนี้จะได้กลายเป็นเถื่อนไปให้หมด ทางนี้หมายถึงที่กรุงเทพฯนะ ไม่ว่าจะฤาษีเลี้ยงเต่าหรือเต่าควายอะไรทั้งหลายนั่นแหละ เถื่อนทั้งนั้น เถื่อนทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเนี่ย มันมีเหตุผลที่จะต้องตัดสินใจยามคับขัน ผมเห็นใจท่านนายกฯ ตอนนั้นผมอยู่ที่กรุงเทพฯนะครับ ท่านนายกฯอยู่นิวยอร์ก ผมไม่ได้ไปด้วย เพราะเริ่มได้กลิ่นอะไรไม่ค่อยดี ในเมื่อเข้าซอยตรงนี้ ก็เล่าตรงนี้ว่าทำไมไม่สู้ กำลังก็มีเตรียมไว้แล้วด้วย ก็ตอบสั้นๆ เท่านั้นล่ะครับ แล้วขอตอบประโยคเดียว ใครถามก็จะร้องเพลงให้ฟัง ให้ตอบเพิ่มว่า เหตุที่ไม่สู้ก็เพราะว่า เราเตรียมกำลังไว้สู้กับคุณเปรมเท่านั้น ถ้าเป็นเฉพาะคุณเปรมนั่นเหรอก็จบเกมไปนานแล้ว

เพราะว่าดูหนังจีนเรื่องเดียวกันรู้ว่าจะจัดการกับนางพญาผมขาวอย่างไร”


สนธิ - ผมฟังคลิปคุณแล้วผมนึกไม่ถึง ว่าคุณจะกล้าพูดอย่างนี้ คุณจักรภพ นี่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะ นี่ภาษาไทย ที่ผมยังเสียใจ ผมยังเสียใจว่า บรรดาคนไทยบางส่วนที่ไปนั่งฟังคุณพูดแล้วยังหัวเราะปรบมือน่ะ คุณมีจิตวิญญาณของความเป็นคนไทย คุณรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือเปล่า หรือคุณฟังนายจักรภพพูดจาบจ้วงแบบนี้แล้วคุณยังหัวเราะ ยังปรบมืออยู่ ผมเสียใจแทนคุณมากๆ

แต่พวกคุณที่ฟังคุณจักรภพพูดน่ะ เป็นส่วนน้อยนิดของคนไทยในลอสแองเจลิส มีอย่างมากก็ 100 กว่าคน สูงสุด ผมไปพูดที่ลอสแองเจลิส คนไปฟังผมเกือบ 5,000 คน แต่ว่าคุณจักรภพ คุณพูดได้อย่างไร คุณพูดได้อย่างไรว่า คุณสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อ้างว่ารัฐประหารครั้งนี้สูงมาก ทักษิณถึงไม่ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น แต่จักรภพ คุณจักรภพอยากจะตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น แสดงว่าคุณคิดอย่างไรกับสิ่งที่คุณจักรภพอ้างว่าสูง แล้วคุณรู้ไหม เพราะคุณไม่รู้ คุณต้องไปฟังคุณสุรเกียรติ์เขาพูด คุณสุรเกียรติ์เขาเตือนคุณทักษิณให้พูดจาระวัง เพราะตอนนั้นอยู่ในห้องกันสองต่อสอง

สนธิ - คุณทักษิณพูดจาอย่างมีอารมณ์ และพูดจาในบางคำพูดที่ไม่บังควรที่จะพูดออกมา คุณสุรเกียรติ์ต้องเตือนคุณทักษิณ และคุณสุรเกียรติ์ถึงต้องวิ่งหนีทันทีเลย ต้องรีบกลับมาแล้วถอยฉากออกเลย เพราะคุณสุรเกียรติ์คิดไม่ถึงว่าคุณทักษิณจะพูดคำเช่นนั้นออกมา คุณจักรภพ คุณจะเอาข้อมูล เอาข้อมูลให้ถูกต้องเสียก่อน คุณอย่ามาเอาข้อมูลผิดๆ ออกมา แล้วไปเที่ยวพูดให้กับคนไทยบางคนในลอสแองเจลิสที่ด้อยปัญญา แล้วก็เอะอะเฮฮา

คุณพูดได้ยังไงเนี่ย ที่คุณบอกว่าคุณไม่ได้สู้รบกับ พล.อ.เปรม เท่านั้น เพราะคุณเตรียมกำลังไว้สู้กับ พล.อ.เปรม เท่านั้น ถ้าเป็นเฉพาะ พล.อ.เปรม มันจบไปนานแล้ว คุณพูดได้อย่างไร หมายความว่าอย่างไร นี่ภาษาไทยนะ ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ แสดงว่าสูงกว่า พล.อ.เปรม ใช่ไหมที่คุณต้องสู้ และใครล่ะสูงกว่า พล.อ.เปรม

สนธิ - นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนนะ คุณจักรภพ คุณโดนตัดหัว 7 ชั่วโคตรนะ คุณให้เด็กเมื่อวานซืนมาอ่านคำพูดคุณก็รู้ว่าคุณหมายถึงใคร ท่านผู้ชมครับ เคยคิดไหมว่าในสังคมไทยจะมีคนที่กล้าพูดอย่างนี้ออกมา พูดจาหน้าตาเฉย “เพราะว่าดูหนังจีนเรื่องเดียวกันก็รู้ว่าจะจัดการกับนางพญาผมขาวอย่างไร” ผมไม่เคยคิดว่าคุณจะเลวทรามต่ำช้าแค่นี้นะคุณจักรภพ แต่ผมก็สงสารคุณ ผมไม่รู้ว่าผีห่าซาตานตัวไหนเข้ามาสิงตัวคุณ ผมไม่รู้ว่าคุณเคยเก็บกดอะไรมาบ้างสมัยเด็กๆ หรือเมื่อคุณโตขึ้นมาแล้ว ทำไมคุณไม่รู้จักเอาธรรมนำหน้าบ้าง คุณทักษิณ ชินวัตร ทำอะไรที่หมิ่นเหม่ต่อการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ มาตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา

ไม่ว่าจะเป็นคำพูด ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการแสดง หลักฐานมีหมดทำไมคุณไม่พูดถึง คุณสงสารคุณทักษิณ แต่คุณไม่สงสารประเทศชาติหรือ ทำไมคุณไม่พูดบ้างล่ะ เรื่องกรณีเขาพระวิหาร ทำไมคุณไม่มาออกความเห็นบ้าง เรื่องกรณีของการทุจริตคอร์รัปชั่น แสดงว่าคุณเชื่อมั่นใช่ไหมว่า ทุกสิ่งทุกอย่างซื่อใสหมด การประชุม ครม.บนปราสาทพนมรุ้ง เพื่อเป็นการแก้เคล็ด เพื่อเป็นการเสริมเคล็ดให้เห็นว่าอยู่ใกล้ฟ้าที่สุด

สนธิ - การทำบุญในวัดพระแก้ว การพูดจาที่จาบจ้วงทุกอย่าง ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม เพียงกระซิบมาเบาๆ ผมก็จะลาออก หลายต่อหลายอย่าง หลักฐานมันมีหมดคุณจักรภพ ผมนึกไม่ถึงจริงๆ มีอะไรที่มันต่ำกว่าเลวอีกไหม ผมสงสัยว่าผมคงทำนายอนาคตคุณไม่ผิด ด้วยเหตุนี้ผมถึงสงสารคุณมาก เพราะคุณไม่รู้ตัวหรอก ว่าชีวิตคุณลงนรกไปแล้วครึ่งหนึ่ง หลังจากมาฟังเรื่องราวที่คุณไปพูดที่ลอสแองเจลิส ผมสรุปกับตัวผมเองได้ว่าคุณลงนรกไปเต็มตัวแล้วตอนนี้ ท่านผู้ชมครับ เดี๋ยวเราพักกันสักครู่หนึ่ง แล้วเดี๋ยวเราค่อยกลับมาในช่วงสุดท้ายของรายการยามเฝ้าแผ่นดินครับ

( ช่วงที่ 2 )

สนธิ - ท่านผู้ชมครับเมื่อกี้นี้ผมพูดในรายการตอนต้นด้วยความไม่สบายใจ แล้วผมพยายามระงับความรู้สึกของผมอย่างสุดความสามารถ ผมพยายามใช้สติอย่างเต็มที่ ใช้ธรรมที่ผมเรียนจากพ่อแม่ครูอาจารย์ ตอนที่แล้วผมพูดกับคุณจักรภพ ตอนนี้ผมจะพูดกับคุณสมัคร สุนทรเวช แล้วผมจะพูดกับบรรดาเครือข่ายของใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลัง ผมจะชี้ให้ท่านผู้ชมเห็น ว่าคุณสมัคร สุนทรเวชนั้นอุ้มคุณจักรภพมาตลอดเวลา แล้วคุณสมัคร สุนทรเวช นอกจากทำผิดต่อสายเลือดของตัวเองแล้ว ทำผิดต่อจิตใต้สำนึกของคนที่รักชาติ รักศาสนา รักพระมหากษัตริย์แล้ว ยังทำผิดต่อมาตรา 8 หมวดที่ 2 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ปี พ.ศ.2550 ที่ระบุไว้ในมาตรา 8 ว่า "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้"

คุณสมัคร ครับ อาทิตย์ที่แล้วผมพูดเรื่องอธิปไตยเขาพระวิหาร คุณออกมาในรายการวันอาทิตย์ ด่าเอเอสทีวี ขู่ว่าจะฟ้องผม ผมรอหมายศาลอยู่ว่าเมื่อไรคุณจะฟ้องเสียที คุณอย่าพูดแต่ปากสิครับ อาทิตย์นี้คุณฟังเรื่องที่ผมพูด คุณบอกคุณจักรภพนั้นพูดกับคุณบอกว่า ภาษาอังกฤษนั้นพวกเราแปลผิด วันนี้ผมเอาภาษาไทยมาให้คุณฟัง ทั้งหมดนี้ ท่านผู้ชมครับ ไม่ใช่อยู่ที่คุณสมัคร หรือคุณจักรภพ มันเป็นกระบวนการทั้งกระบวนการที่เกี่ยวพันกับคนหลายๆ ฝ่าย ที่เริ่มมาเพื่อจะผลักดันให้คุณทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง

สนธิ - รวมเบ็ดเสร็จไปหมด เรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ครบถ้วนทุกกระบวนการ รวมไปถึงประชาชนที่กำลังเดือดร้อนอยู่ กระบวนการทำลายขายชาติด้วยอธิปไตยของเขาพระวิหาร กระบวนการศาสนา จาบจ้วงพระอริยสงฆ์ พยายามทำร้ายทำลายศาสนา กระบวนการพระมหากษัตริย์ เห็นชัดหมด กระบวนการฉ้อราษฎร์บังหลวง เรื่องน้ำตาล เรื่องข้าว หลายต่อหลายเรื่อง ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ไม่บริหารราชการแผ่นดินในทิศทางที่ควรจะบริหาร ดูกันง่ายๆ คุณชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ คนใหม่ ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่คุณชัย ชิดชอบ ทำไม่ผิดกฎหมายครับ แต่ไม่ควรและไม่เหมาะสม ที่คนระดับที่เป็นประธานสภาฯ จะทำ

ก่อนที่ตัวเองจะขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ประธานสภาฯ นั้น ต้องให้เลขาธิการรัฐสภาเอามาอ่าน นำพระบรมราชโองการมาอ่านให้สมาชิก ส.ส.ได้ฟังกันหมดทุกคนก่อน เมื่อครบแล้วถึงจะขึ้นไปนั่ง แต่ตัวเองขึ้นไปนั่งก่อน แล้วก็บอกว่าพระบรมราชโองการอ่านทีหลัง รู้กัน รู้กันอยู่แล้ว พูดแค่นี้ จิตใต้สำนึกของคุณชัย คุณไม่มีเลยเหรอ ถึงการเคารพเบื้องสูงน่ะ คุณต้องการที่จะรีบไปงานศพของญาติของรองประธานสภาฯ พ.อ.อภินันท์ ระหว่างคุณรอฟังพระบรมราชโองการ แล้วให้เขาอ่านพระบรมราชโองการแล้วคุณค่อยไปนั่งเป็นประธานสภาฯ น่ะ ถึงจะไปไม่ทันก็ต้องให้มันไม่ทัน

สนธิ - ทุกยุคทุกสมัยเขาทำกันมาตลอด เขาทำกันมาตลอดท่านผู้ชม ว่าเมื่อมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานสภาฯ ต้องอ่านให้ประธานสภาฯ ได้ฟัง อ่านให้สภาฯ ฟังซะหมดก่อน เมื่อฟังเสร็จเรียบร้อยแล้วคนๆ นั้นถึงจะขึ้นไปนั่งได้ แล้วท่าที่คุณยกมือไหว้ต่อหน้าพระพักตร์ในหลวง กับการกระทำของคุณ มันคนละเรื่องกันเลย พี่น้องประชาชน ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าชาติบ้านเมืองมันไม่รู้จะต่ำไปอีกแค่ไหน มันไม่มีอะไรจะต่ำไปกว่านี้อีกแล้ว ถ้าพูดถึงความเหม็นเน่า มันก็ไม่มีอะไรจะเหม็นมากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะมันเหม็นถึงสุดแล้ว ถ้าพูดถึงความเลวก็ไม่มีอะไรจะเลวไปกว่านี้อีกแล้วเพราะมันเลวถึงที่สุดแล้ว

ถ้าพูดถึงความชั่วก็ไม่มีอะไรจะชั่วไปกว่านี้เพราะมันชั่วถึงที่สุด นี่ชาติบ้านเมืองของเราหรอ นี่ประเทศไทยหรอ ผมแทบไม่เชื่อ แล้วมันเกิดขึ้นเพียงเพราะคนๆ เดียวอยากจะพ้นผิด แล้วอยากจะมีอำนาจ กลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ดำเนินการทุกวิถีทาง ใช้ทางด้านหนึ่งเดินสาย จาบจ้วง พล.อ.เปรม เล่นงาน พล.อ.เปรม ใช้ทางด้านหนึ่ง ทางสภาฯ ใช้ทางด้านหนึ่งเล่นทางใต้ดิน แล้วใช้ทางด้านหนึ่งจ้างกุ๊ยมา กุ๊ยทั้งนั้น มากล่าวหาว่าหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ เอเอสทีวี และผม เป็นหนังสือพิมพ์ดาวสยาม

สนธิ - พวกคุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า พวกนวพล พวกกระทิงแดง นี่คือพวก นปก. พวกประชาชนที่จิตใจบริสุทธิ์ก็คือประชาชนที่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คุณมาบอกว่าผมทำตัวเป็นวิทยุยานเกราะ คุณอุทาน สนิทวงศ์ พวกคุณสิวิทยุยานเกราะ วันมะรืนนี้ตอนเช้าก็ได้ฟังแล้วไง คุณสมัคร สุนทรเวช ไง เป็นผู้ที่ปลุกปั่นให้สังคมเป็นอย่างนี้

ท่านผู้ชมครับ ผมจะพูดถึงเรื่อง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นิดหนึ่ง วันนี้ ก่อนที่จะฟังเรื่อง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ฟังตัวบุคคลที่เกี่ยวพันเกี่ยวข้องก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นใช้คนหลายกลุ่ม ต้องเข้าใจก่อน ใช้คนหลายกลุ่ม กลุ่มนักหนังสือพิมพ์บางกลุ่ม ก็ใช้ กลุ่มผู้จัดรายการบางกลุ่ม ก็ใช้ กลุ่มข้าราชการบางกลุ่ม ก็ใช้ กลุ่มนักการเมืองบางกลุ่มก็ซื้อเอาไว้ในคอกตัวเอง เพราะว่าเมืองไทยมันเป็นเมืองที่เอาเงินเป็นตัวตั้ง ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เอาคุณงามความดีเป็นตัวตั้ง เดี๋ยวนี้เงินมา จะให้ทำอะไรก็ได้ ความพะวงขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีต่อเรื่องนี้มาก ไม่เชื่อไปฟังพระองค์ท่านให้ข้อคิดสติเตือนใจกับคณะผู้พิพากษาที่ผ่านมาเมื่อ 1-2 วันนี้ครับ

สนธิ - พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสยาวนาน กลุ่มคนพวกนี้จะแบ่งหน้าที่กันทำ กลุ่มหนึ่งก็คือกลุ่มคอลัมนิสต์ คุณเผด็จ ภูรีปฏิภาณ นักคอลัมนิสต์ที่วิ่งเต้นทางการเมือง อาวุโส กลุ่มพวกนี้จะมีกลุ่มเดียวกัน มีคุณอนันต์ อัศวนนท์ หรือมีฉายานามว่า "มดคันไฟ" มีกลุ่มนักธุรกิจ ชื่อคุณไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของไร่โบนันซ่า กลุ่มพวกนี้จะสนิทสนมกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รู้จักกันมานานแล้ว ผมก็รู้จักคนพวกนี้มานานแล้ว เพียงแต่ผมห่างคนพวกนี้มา คุณเฉลิมนี่ผมห่างมา 10 กว่าปีแล้ว ไม่ได้พูดคุยกัน ไม่ได้เจอกัน เพราะว่าทางใครทางมัน เหมือนคุณเฉลิมพูด ว่าทางหมา หมาเดิน ทางเสือ เสือเดิน ส่วนใครจะหมาใครจะเสือนั้น ท่านผู้ชมใช้วิจารณญาณคิดเอาเองก็แล้วกัน

กลุ่มคุณเผด็จนั้น เป็นกลุ่มซึ่งแบ็ค สนับสนุนคุณทักษิณ ชินวัตร มานานแล้ว เป็นโบรกเกอร์ทางการเมือง สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ มีอำนาจ กลุ่มคนพวกนี้ก็เข้าทาง พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการ คมช. ในขณะเดียวกันก็แตะเอาไว้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คุณเผด็จนี่ต้องถือว่าเป็นกุนซือสำคัญของคุณทักษิณ ชินวัตร เดิมทีการเมืองพรรคพลังประชาชนนั้นกำหนให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่การเจรจานั้นไม่สำเร็จ อาจจะด้วยการที่ว่ารางวัล ของขวัญนั้นน้อยไป หรือด้วยเหตุใดก็ตาม ก็เลยไปตกเอาที่คุณสมัคร สุนทรเวช ซึ่งฝ่ายคุณเผด็จนั้นไม่เห็นด้วยว่าคุณสมัครควรจะเป็นนายกฯ แต่ว่าเนื่องจากตกลงกับคุณชวลิตไม่ได้ ด้วยเหตุอันนี้คุณสมัครก็เลยขึ้นมาเป็นนายกฯ

สนธิ - ระหว่างที่คุณสมัคร ขึ้นมาเป็นนายกฯ นั้น เครือข่ายที่เตรียมเอาไว้ก็เดินหน้า คุณสมัครก็ไม่สนใจว่าเครือข่ายจะเป็นอย่างไร ใครจะทำลายสถาบันอะไร ฉันไม่สนใจ ฉันได้เป็นนายกฯ แล้ว ฉันเดินหน้าของฉันอย่างเดียวพอ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น คนพวกนี้ต้องการให้คุณสมัครโยกย้าย ผบ.เหล่าทัพ ย้าย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ย้ายพล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการแม่ทัพภาค 1 กองทัพภาคที่ 1 แต่คุณสมัครรู้ว่า นี่คือของร้อน เผือกร้อน ไปแตะไม่ได้ คุณสมัครก็เลยเฉยๆ ไม่ทำ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่คุณทักษิณและกลุ่มคุณทักษิณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายคุณเผด็จ ไม่พอใจ คุณทักษิณก็ไปฟังคุณเนวิน ชิดชอบ กลุ่มคุณเผด็จก็มาจับกลุ่มร่วมกับคุณสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งยังอยู่ในอดีตนักการเมือง 111 คนที่ถูกห้ามเล่นการเมือง

แก๊งต่างๆ ก็มี จะมีแก๊งคุณเนวิน จะมีแก๊งคุณเผด็จ จะมีแก๊งคุณสุดารัตน์ นี่คือที่มาของการแย่งชิงตำแหน่งกันตลอดเวลา นี่คือที่มาว่าทำไมถึงคัดค้านไม่ให้ คุณชัย ชิดชอบ ขึ้น คุณเนวินคงจะไปพูดกับคุณทักษิณว่า ถ้าให้คุณชัยขึ้นแล้วการแก้รัฐธรรมนูญมันจบเบ็ดเสร็จทันที พร้อมที่จะทำให้ นั่นคือที่มาว่า คุณชัย ชิดชอบ ต้องขึ้น ทำไม ส.ส.ในโควต้าที่คุณเนวินคุมอยู่ถึงได้เป็นรัฐมนตรีมากที่สุด นี่คือคำตอบ คุณสมัคร สุนทรเวช ก็เป็นคนหนึ่งซึ่งไม่สนใจใคร สนใจแต่วาระของตัวเอง อยากจะออกมาด่าใครก็ด่า อยากจะมาพูดวันนี้ก็พูด อยากจะเป็นตัวแทนรัฐบาลพม่าเพื่อออกมาชี้แจงแทนพม่าให้แก่โลก ก็พูดออกมาเต็มที่

สนธิ - อยู่ๆ มาวันหนึ่งกระบวนการที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วก็โยงใยไปซึ่งกันและกัน เป็นพวกเดียวกันหมด เกิดล้ำเส้น ใจฮึกเหิม รุกฆาตไปถึงขั้นก้าวล่วงไปสู่การจาบจ้วงสถาบัน รวมไปจนถึงการไม่ยอมยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี และก็มีเอเอสทีวีนี่ล่ะที่ลุกขึ้นมาสู้ให้ ประกาศออกไปให้โลกเห็นว่านี่กำลังมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น รวมไปจนถึงธงชาติไทยที่ติดตั้งอยู่ที่แมนฯ ซิตี้ แล้วมีชื่อคุณทักษิณอยู่ ทั้งคุณนพดล หลายๆ คุณก็มาปกป้องคุณทักษิณ ปกป้องหมด กระบวนการอันนี้เริ่มสร้างความล่อแหลมเข้ามาทุกทีๆ จนกระทั่งประชาชนไม่พอใจ ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทั้งพลเรือนและทหารก็ไม่พอใจ

กระแสโต้กลับก็เริ่มแรงขึ้น เมื่อแรงขึ้นแล้ว กลุ่มคนซึ่งสนับสนุนทักษิณซึ่งมีอยู่หลายกลุ่ม และไม่ถูกกัน ก็เริ่มมาคิดแล้วว่า ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไป จะตายหมู่ เพราะคุณจักรภพ เพ็ญแข นั่นคือกระบวนการ เริ่มกระบวนการที่ผมเรียกว่ากระบวนการฆ่าตัดตอน ทั้งที่เป็นพวกเดียวกันนะ ทำงานร่วมกัน โยงใยถึงกันหมด ก็ออกมาเริ่มมาโจมตีคุณจักรภพ เพ็ญแข ทุกคนที่ไม่เคยติดตามเรื่องนี้ก็บอกว่า เออ ดีนี่ แต่ถ้าคนที่ติดตามแบบนี้ ก็จะบอกว่า เฮ้ยทำไมคุณเพิ่งมาพูดวันนี้ ทำไมคุณไม่พูดมาตั้งแต่ต้นล่ะ ที่คุณจำเป็นต้องมาพูดวันนี้เพราะคุณเห็นว่าคุณจักรภพ เพ็ญแข จะทำให้เรือล่มทั้งลำใช่ไหม ใช่ไหมครับ

สนธิ - เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็พิสูจน์ได้ชัด แล้วใครล่ะจะเป็นคนซึ่งออกมา คนที่ออกมาในเรื่องนี้เพื่อที่จะช่วยคุณทักษิณในทางอ้อม เผอิ๊ญ เผอิญชื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ คุณชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาอย่างหนักแน่น วันศุกร์ที่ 25 เมษายน ท่านผู้ชมหลายท่านไปฟังผมพูดและพันธมิตรฯ พูดที่หอประชุมธรรมศาสตร์ วันนั้นคุณชวลิต ยงใจยุทธ ไปปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ว่าด้วยยุทธศาสตร์กู้ชาติและเข็มทิศใหม่เพื่อผ่าทางตันทางการเมือง

ท่านพูดสรุปว่าอย่างนี้ ท่านบอก เผด็จการรัฐสภาหรือเผด็จการทางทหารที่มีอยู่ในระบบการเมืองไทย ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงทั้งคู่ ท่านมองว่า วันนี้เริ่มมีกระบวนการล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า ล้มปืนล้มทหาร ล้มทุนก็สุดแล้วแต่ทุนใคร ล้มเจ้าชัดเจนล้มสถาบันกษัตริย์ แต่ท่านกลับไปมองว่า นปก.กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ควรจะร่วมมือกันพัฒนาประเทศชาติ นี่คือนิสัย พล.อ.ชวลิต ชอบแทงกั๊กแล้วลอยตัว ท่านคิดได้อย่างไรว่าเอา นปก.กับพันธมิตรฯ มาร่วมกัน ท่านคิดได้อย่างไร เหมือนเอากุ๊ยกับคนที่อยู่ในศีลในธรรมมาอยู่บ้านเดียวกัน มันอยู่ไม่ได้

สนธิ - พล.อ.ชวลิต สมัยก่อนผมเคยชมเชยท่าน พี่จิ๋ว วันนี้ผมก็ยังชมเชยเรื่องที่ท่านเคยทำในอดีต เรื่องสงครามสั่งสอนเวียดนาม ท่านผู้ชมที่ยังไม่เข้าใจ จำเรื่องนี้ไม่ได้ ผมทวนความจำ ครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่เวียดนามกำลังมีอิทธิพลอยู่แล้วเข้ามายึดเขมร ในวันนั้นเวียดนามยกกองพันรถถังมาหลายร้อยกองพัน ใกล้เข้ามาประชิดพรมแดนไทย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตอนนั้นเป็นแค่พันเอก หรือพลตรี บินไปเมืองจีน ไปคุยกับเติ้ง เสี่ยว ผิง เพื่อขอความช่วยเหลือ เติ้ง เสี่ยว ผิง เลยประกาศทำสงครามสั่งสอนเวียดนาม

ซึ่งตอนนั้นเวียดนามกับจีนมีการปะทะกันตามชายแดนตลอดเวลา เหมือนลิ้นกับฟัน แล้วคนที่ยิงปืนใหญ่นัดแรกของจีนเข้าสู่เวียดนาม คือ พ.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นั่นคือเหตุผลของการที่เวียดนามต้องถอย กองพันทหารรถถังทั้งหมดกลับเข้าไปเพื่อเสริมชายแดนของตัวเองที่ติดกับประเทศจีน ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากภัยสงคราม หรือการถูกเวียดนามเข้าไปยึดครองในช่วงนั้น นี่เป็นคุณูปการของท่าน ผมยังถือว่าท่านทำงานเพื่อชาติอยู่

สนธิ - ในพอช่วงหลังท่านเข้ามาสู้วงการเมือง ท่านเริ่มกลายเป็นนักการเมืองมากกว่าเป็นนายทหาร ท่านก็เปลี่ยนไปเยอะ ท่านเปลี่ยนไปเยอะมาก ตั้งแต่ท่านเซ้งพรรคของท่าน พรรคความหวังใหม่ ซึ่งเดิมทีในการเลือกตั้งปี 2540 นั้น พรรคความหวังใหม่นั้นเป็นพรรคอะไหล่ของพรรคไทยรักไทย เพราะว่าเงินที่ท่านเอาไปหาเสียงนั้นก็คือเงินของพรรคไทยรักไทยให้มา เพื่อเมื่อเลือกเข้ามาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รวมพรรคไปเลย แล้วหลักฐานก็พิสูจน์ชัดว่าได้รวมพรรคเป็นพรรคเดียวกันไปแล้ว ก็คือความหวังใหม่ก็สลาย เหลือแต่ชื่อพรรคความหวังใหม่ ซึ่งมีคนเดียวเท่านั้นเองที่ไม่ยอมไป คือคุณชิงชัย มงคลธรรม คุณชิงชัยก็เลยเป็นหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ ที่ยืนหยัดด้วยอุดมคติและอุดมการณ์จริงๆ ที่เหลืออยู่ นะครับ

พล.อ.ชวลิต ช่วงหลังบทบาททางการเมืองก็ถดถอยไป เพราะว่าตอนคุณทักษิณ มีอำนาจสูงสุด คุณทักษิณไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา รวมทั้ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ด้วย หรือแม้กระทั่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพิ่งจะมาเห็นความสำคัญของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมื่อตัวเองต้องลี้ภัยไป เห็นความสำคัญของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อตัวเองต้องการจะตั้งพรรคพลังประชาชน แล้วเจรจาเพื่อเอามาเป็นนายกฯ แต่อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าของขวัญที่นำมานั้นน้อยเกินไป หรือว่า พล.อ.ชวลิต เรียกร้องของขวัญมากเกินไป ก็เลยตกลงกันไม่ได้ ก็เลยมาที่คุณสมัคร

สนธิ - เอาล่ะ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อต้านคุณทักษิณ ซึ่งเป็นตัวแทนทุนนิยมสามานย์ และเราเรียกร้องให้ระบอบทักษิณเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม พิสูจน์ตัวเอง เราบอกว่าให้เข้ามาเถอะ อย่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม อย่าบิดเบือน ปรากฏว่าบิดเบือนและแทรกแซง ในขณะที่กระบวนการ นปก.ทำทุกวิถีทางในการทำ ฉีกรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณทักษิณพ้นผิด เพราะฉะนั้นแล้ว พล.อ.ชวลิต ที่พูดที่ราชภัฏสวนดุสิต ว่าให้ นปก.และพันธมิตรฯ เข้ามาร่วมกันพัฒนาชาตินั้น พิสูจน์ได้ชัดว่าท่านพูดแบบแทงกั๊กเพื่อลอยตัว

เอาละ 13 พฤษภาคม เมื่อ 3 วันที่แล้ว หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ในเครือข่ายของคุณไพวงษ์ เตชะณรงค์ และคุณเผด็จ ภูรีปฏิภาณ จู่ๆ ก็ลงหน้าคุณสมัครและคุณจักรภพ เพ็ญแข แล้วเขียนว่า นอมินีหรือว่าเอ็นนิมี สรุปง่ายๆ ในเนื้อหาหนังสือเล่มนั้น โยนความผิดทั้งหมดไปที่คุณสมัครและคุณจักรภพ คล้ายๆ บอกว่า คุณสมัครกับคุณจักรภพนั้นคือตัวการที่สร้างเรื่องสร้างราว ควรกำจัดซะ ควรจะปลดคุณจักรภพและพ่วงคุณสมัครเข้าไปด้วย กระบวนการนี้ผมเรียกว่า กระบวนการฆ่าตัดตอน เพราะกลุ่มคุณเผด็จ และกลุ่มคุณไพวงษ์ กลุ่ม พล.อ.ชวลิต

สนธิ - พวกนี้ พล.อ.ชวลิต ถูกใช้ให้มาเป็นตัวแทนนายหน้าในการแสดงออกทางความเห็น เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผมไม่เกี่ยวนะ พวกผมออกนอกสนามแล้วนะ อะไรที่เกิดขึ้นในขณะนี้เกิดเพราะคุณจักรภพกับคุณสมัครเป็นคนทำผมไม่เกี่ยว แต่คนพวกนี้ก็คือเครือข่ายอันเดียวกัน ที่ต้องถอยออกมาก็เพราะว่า ตัวเองกำลังจะเจอภัย คำถามที่มีมากที่สุดคือว่า เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้วไม่ใช่เพิ่งเกิด เรื่องเว็บไซต์ ทำไมคุณเผด็จไม่ออกมาสู้ตั้งแต่ต้น เว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ เรื่องราวของการไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี ของคุณโชติศักดิ์ ทำไมกลุ่มคุณเผด็จถึงไม่ออกมาโจมตีบ้าง ไม่มี

แล้วไอ้หัวเถิกของคุณสมัคร สุนทรเวช ที่คุณสมัครพูดถึงคุณปีย์ มาลากุล ก็เป็นตัวการในการที่ขอร้องให้ช่วยปิดเว็บไซต์ที่ชื่อ รู้ทันราชวงศ์จักรี ใครยกหูโทรศัพท์ไปปิดให้ คุณไพวงษ์ เตชะณรงค์ ปิดทันที ทำไมมันปิดง่ายอย่างนี้ ประเดี๋ยวเดียวก็ปิดได้แล้ว ถ้าปิดได้ทันทีก็แสดงว่ารู้มานานแล้วไม่ใช่หรอว่าเว็บนี้มีอันนี้ขึ้นมา แล้วทำไมไม่ปิดตั้งแต่ต้นล่ะ เรื่องนี้ผมยังจะตามต่อนะ คุณไพวงษ์ ผมจะตามต่อตลอดเวลา ผมไม่หยุดแค่นี้หรอก

สนธิ - ทีนี้ น่าสนใจมาก น่าสนใจที่บทความในเรื่องของสมัคร นอมินี หรือเอนิมี นั้น เป็นการเชิดชู พล.อ.ชวลิต และก็เขียนชัด เขียนชัดในเรื่องไหนรู้ไหมท่านผู้ชม เขียนชัดในเรื่องที่ให้เห็นว่าคุณจักรภพ กับคุณสมัคร ต้องไป นี่คือการฆ่าตัดตอนเพื่อไม่ให้ถึงตัวเอง ทั้งๆ ที่กลุ่มตัวเองเป็นกลุ่มเดียวกัน ร่วมอยู่ในกระบวนการนำคุณทักษิณกลับมา ด้วยวิธีการ 3 ประสาน 4 ประสาน หมดทุกอย่าง วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2551 พุธ-พฤหัสฯ-ศุกร์ 3 วันที่แล้ว หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวในโลกนี้นะ ไม่มีฉบับอื่นลงเลย ได้ลงคำปรารภและแสดงท่าทีของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อย่างแข็งขันที่สุด

ในตอนหนึ่ง พล.อ.ชวลิต พูดว่า "ได้ทราบว่ามีกลุ่มบุคคลผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์ดื้อรั้นบางกลุ่มหันมาใช้ยุทธวิธีแนวร่วมแทนอย่างเต็มที่ โดยพยายามใช้วิธีการต่างๆ เช่น ชุบตัวในสถาบันวิชาการ เข้าร่วมทำเศรษฐกิจทุนนิยม เข้าร่วมถืออำนาจรัฐ ยุยงให้ทั้งฝ่ายและฝ่ายทุนทำผิดให้มากๆ จึงมีการกล่าวกันว่า ปัจจุบันมีกระบวนการบ่อนทำลายประเทศโดยใช้ระบอบเผด็จการรัฐสภาเป็นเครื่องมือดำเนินยุทธวิธีแนวร่วม เพื่อก่อสงครามกลางเมือง เพื่อเปลี่ยนรูปของประเทศ จากราชอาณาจักรไปสู่สาธารณรัฐ โดยใช้รัฐธรรมนูญเป็นอาวุธหลัก"

สนธิ - และยังพูดต่อ "ตัวกระผมหมายถึง พล.อ.ชวลิต และผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย ไม่อาจนิ่งเฉย เพราะเป็นความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เป็นภารกิจแห่งชีวิต ที่จะต้องดำเนินการเพื่อยุติปัญหาทั้งมวลลง ขบวนการสาธารณรัฐมีความมุ่งหมายและดำเนินการโดยยุทธวิธีแนวร่วม เพื่อล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า"

และจบลงด้วยคำพูดนี้ หวานแหววมาก มั่นคง "กระผมเองได้ผ่านพิธีศักดิ์สิทธิ์ ดื่มน้ำพิพัฒสัตยา และเป็นหนึ่งเดียวของสมาชิกเหรียญรามาธิบดีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ได้รับพระราชทานเหรียญชั้นมหาโยธิน จึงขอประกาศต่อสู้กับบุคคลทุกกลุ่ม ที่กระทำการกระทบกระเทือนและเป็นปรปักษ์ต่อสถาบันหลักของชาติ และมีลักษณะรบกวนเบื้องพระยุคลบาท ไม่ว่ากรณีใดๆ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แห่งพระราชวงศ์จักรี ซึ่งปวงข้าพระพุทธเจ้าเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมจนกว่าชีวิตจะหาไม่ โอ้! ซาบซึ้งมาก

สนธิ - เหมือนคุณชัย ชิดชอบ ที่ยกมือท่วมหัวถวายรับพระบรมราชโองการ แต่ปฏิเสธที่จะให้มีการอ่านพระบรมราชโองการ ก่อนที่ตัวเองจะขึ้นไปนั่งบนสภาฯ เหมือนกันเป๊ะเลย คำพูดอย่างนี้ไม่ได้แทงกั๊ก สู้เต็มที่ สู้เต็มที่ ท่านผู้ชม แต่เกิดอะไรขึ้น เวลาผ่านไปเพียงวันเดียว วันที่ 15 พฤษภาคม เป็นวันคล้ายวันเกิด เมื่อวานนี้ ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มีใครไปหาล่ะ พล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าไปคุยกันเลย คุยกันพักหนึ่ง คุยกันเสร็จ ไม่มีใครรู้ว่าเจรจากันอย่างไร พล.อ.ชวลิต ออกมาสัมภาษณ์อีกแล้ว สัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่ง งวดนี้แทงกั๊กแล้ว สถาบันของเราเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นชาติ

อาจจะมีการดึงมาบ้างหรือเข้าใจผิดกันบ้าง ความคิดก้าวหน้าแบบสาธารณรัฐอาจจะมีบ้างแต่ถือว่าน้อยมาก เห็นไหมเริ่มแทงกั๊กแล้ว ต่อไป คงไม่มีอย่างนั้นแต่อาจจะผิดพลาดพลั้งเผลอบ้าง แล้วถามเขาว่า พูดจริงพูดเล่น หรือเข้าใจหรือเปล่าที่พูดอย่างนั้น ถ้าเขาบอกว่า ขอโทษด้วยไม่ใช่จริงๆ ก็ไปกราบพระบาท นี่หมายถึงคุณจักรภพนะ หรือออกมาพูดว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริง สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เหนือหัวเราอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสถาบันของเรา ถ้าเราทำความเข้าใจอย่างนั้นคงไม่มีอะไร

สนธิ - ตายแล้วซิท่านผู้ชม พูดอย่างนี้แปลว่าอะไร พูดอย่างนี้แปลว่า ถ้าจักรภพ เพ็ญแข บอกว่า ไม่เจตนา อย่างโน้นอย่างนี้ ก็คงไม่มีอะไรแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อวานซืน คือวันพุธที่ 14 ก่อนวันเกิดเพียงวันเดียว ก่อนคุณทักษิณจะไปเจอ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตัวเองเป็นคนบอกว่า ปัจจุบันมีขบวนการบ่อนทำลายประเทศโดยใช้ระบอบเผด็จการรัฐสภาเป็นเครื่องมือดำเนินยุทธวิธีแนวร่วม เพื่อก่อสงครามกลางเมือง เพื่อเปลี่ยนรูปของประเทศจากราชอาณาจักรไปสู่สาธารณรัฐ โดยใช้รัฐธรรมนูญเป็นอาวุธหลัก และจะต่อสู้จนกว่าชีวิตจะหาไม่

ท่านผู้ชมตลกไหม พล.อ.ชวลิต ตีกิน ไม่รู้ว่าไปตกลงอะไรกับคุณทักษิณ ชินวัตร จากท่าทีที่ไม่แทงกั๊กมีจุดยืนชัด กลายเป็นแทงกั๊ก แล้วท่านผู้ชมรู้ไหม คนที่ตั้ง คนที่บอกให้คุณสมัครตั้งคุณจักรภพ เพ็ญแข ก็คือคุณทักษิณ ชินวัตร คนที่อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวของคุณเผด็จ ภูรีปฏิภาณ ก็คือคุณทักษิณ ชินวัตร คุณทักษิณทั้งสิ้น ทั้งหมดนี้คุณทักษิณหมดเลย เผอิญไอ้ตัวนี้มันล้ำเส้นไปมันจะอันตรายถึงแล้ว ต้องฆ่าตัดตอนทิ้ง แล้วจู่ๆ ทำไมไปคุยกับคุณทักษิณ วันนี้คุณชวลิตออกมาพูดเหมือนจะปกป้องคุณจักรภพ เพ็ญแข อีกแล้ว

สนธิ - คุณเผด็จ ก็ดี พล.อ.ชวลิต ก็ดี หรือคุณทักษิณก็ดี ถ้าหากเห็นปัญหาของคุณจักรภพที่พูดมาตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว ตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว ทำไมยังปล่อยปละละเลยให้มาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดคุณสมัคร ต้องไม่ให้เป็น ใช่ไหม ถ้าตัวเองมีความคิดว่าคุณจักรภพ พูดจาหมิ่นเหม่และจาบจ้วงสถาบันอย่างเห็นได้ชัด ให้มาเป็นรัฐมนตรีได้อย่างไร แต่ที่ให้มาเป็นรัฐมนตรีเพราะว่าจะได้ใช้เป็นเครื่องมือ เหตุผลที่ต้องใช้เป็นเครื่องมือเพราะว่าเขาขุดหลุมพรางเอาไว้แล้ว ด้วยคำพูดที่ว่า ถ้าสนธิ หรือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เอาเรื่องนี้มาพูด จะได้พูดบอกว่าอย่าดึงฟ้ามาต่ำไง

แต่เผอิญสนธิ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เอาธรรมนำหน้า บอกว่าไม่ไหวแล้วเรื่องนี้ เพราะว่ามันเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นตลอดเวลา เกิดทั้งเว็บไซต์ ทั้งคุณจักรภพ ศึกสงครามเปิดทุกแนวเลย ทุกคนหันปืน หันหอก หันดาบ จ่อไปที่สถาบันกษัตริย์ ผมว่าไม่ได้แล้ว งานนี้ ตายแล้ว ชาติบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ต่อไม่ได้ ถึงเราจะเป็นลูกเจ๊กลูกจีน เราไม่ใช่ศักดินา เราไม่มีเครื่องราชฯ อะไรแต่เราต้องสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้อง นั่นคือสู้เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

สนธิ - เมื่อทำเช่นนี้เผอิญสื่อมวลชนหลายฉบับเห็นร่วมด้วย เพราะว่าคุณจักรภพทำทุกเรื่องมันเกิดเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ ทุกคนเริ่มรับไม่ได้ พอเริ่มรับไม่ได้คุณจักรภพกลายเป็นเผือกร้อนแล้ว ก็เลยเกิดกระบวนการฆ่าตัดตอนขึ้นมา พล.อ.ชวลิต ก็เลยถือโอกาสเสียบเข้ามาเพื่อตีกินทั้งสองด้าน แล้วคุณทักษิณก็ไปพบ พล.อ.ชวลิต ในวันเกิด ซึ่งแต่ก่อนไม่เคย แต่ก่อนอย่างมาก็ส่งตัวแทนเอาช่อดอกไม้ไป เดี๋ยวนี้ไปพบเอง คุยกันเรื่องอะไรไม่รู้ พอคุยเสร็จออกมา คุณชวลิตเปลี่ยนจุดยืน

นอกจากคุณชวลิต เปลี่ยนจุดยืน ยังไม่มันเท่ากับ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ ลูกน้องคนสนิท พล.อ.ชวลิต ออกมาปกป้องคุณทักษิณเต็มตัวเลย เรื่องเกี่ยวกับอธิปไตยเขาพระวิหาร บอกว่าตัวเองนั้นเป็นคนแนะนำให้คุณทักษิณไปตีกอล์ฟกับนายกฯ ฮุน เซน เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง 2 เดือนที่ผ่านมานี้เอง รับประกันเสร็จ ไม่มีเรื่องอธิปไตย เรื่องอธิปไตยของเขมรไม่ได้เกี่ยวพันกัน รับรองคุณทักษิณไม่มีวันทำอย่างนี้ด้วย ปกป้องให้เสร็จเรียบร้อย คำถามที่ผมอยากจะถามถึงคุณสมัคร คุณทักษิณ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และทุกๆ คน ตลอดจนคุณนพดล ปัทมะ ว่าวันนี้ทำไมรัฐบาลไทยถึงไม่ทำเรื่องคัดค้านกรณีที่เขมรกำลังยื่นเรื่องเขาพระวิหารเข้าสู่คณะกรรมการมรดกโลก เป็นเอกสารสำคัญว่าแผนที่ที่เขมรทำนั้นผิด แผนที่ไทยถึงจะถูก

สนธิ - จำได้หรือเปล่าพี่น้อง อาทิตย์ที่แล้วที่ผมพูดว่าหัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์ตรงนั้นเขารายงานมาว่าเขมรได้ส่งเจ้าหน้าที่ต่างชาติมาทำแผนที่ใหม่ แล้วเขาจะยื่นแผนที่อันนี้ที่เขาทำใหม่ โดยเขมรทำ ส่งเข้าไปที่คณะกรรมการมรดกโลก แต่เรายังนั่งเฉย เราพูดอยู่อย่างเดียวก็คือว่า คุณนพดลบอกว่า ไม่มีปัญหา เดี๋ยวเจรจากันระหว่างรัฐมนตรี ประเด็นไม่ใช่อยู่ที่คุณจะเจรจากันแล้วคุณคุยกันอย่างไร ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อทางเขายื่นแผนที่เข้า เราก็ต้องยื่นแผนที่เราเข้าไปเช่นกัน บอกว่าแผนที่เราถูกเขาก็บอกแผนที่เขาถูก คณะกรรมการมรดกโลกก็จะได้บอกว่า ถ้าอย่างนั้นยังไม่รับให้ไปตกลงกันก่อน

อย่าลืมนะพี่น้อง 2505 เราสูญเสียเขาพระวิหาร เพราะเขมรยื่นเรื่องไปมีแผนที่เสร็จ เราไม่ได้คัดค้าน เราอยู่เฉยๆ จนกระทั่งศาลโลกมีมติตัดสินมา เนื่องจากว่าประเทศไทยไม่ได้คัดค้าน อยู่เฉยๆ ก็ต้องถือว่าสิทธิอันนี้เป็นของเขมร งานนี้ไม่ใช่เป็นงานยกอธิปไตยให้ แต่งานนี้เป็นงานเรียกว่า ล้มมวย งานมวยล้ม นั่งเฉยๆ ผมไม่ได้ทำ เขาตัดสินกันเอง เข้าใจหรือยังพี่น้องประชาชน เรื่องนี้ร้ายแรงมาก นี่คือเหตุผลว่า ทำไมผมต้องออกรายการนี้อีก ผมทนไม่ได้ ผมรับไม่ได้ รับไม่ได้จริงๆ ผมไม่เคยเห็นชาติบ้านเมืองครั้งไหนจะชั่วร้าย เลวทรามต่ำช้าเท่าครั้งนี้

สนธิ - ท่านผู้ชมครับ วันจันทร์นี้เป็นวันวิสาขบูชา ท่านผู้ชมขอให้เชื่อในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ท่านนั้นอยู่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งหนึ่งซึ่งพระองค์ท่านสั่งสอนมาตลอด คือเรื่องให้คนละชั่ว ให้กลัวบาป ให้ทำดี ให้มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเวลา ให้มีสติ เพราะสติเท่านั้นที่จะสร้างปัญญาที่เกิดขึ้น เมื่อสติเป็นสัมมาทิฐิไม่ใช่มิจฉาทิฐิ อวิชาก็ไม่เกิด ความคิดที่ผิดก็ไม่เกิด เมื่อความคิดที่ผิดก็ไม่เกิดมันจะเกิดสัมมาปัญญา ทุกอย่างจะเป็นธรรมไปหมด

ความถูกต้องไม่ต้องมายกมือว่าเรื่องนี้จะเอาอย่างไรกัน เพราะว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกันหมดโดยที่ไม่ต้องยกมือว่าเสียงไหนจะมากกว่ากัน เพราะว่าเสียงธรรมคือเสียงแห่งชัยชนะในที่สุด ทุกวันนี้ที่สังคมไทยชั่วช้าสามานย์แบบนี้ ก็เพราะว่าคนไทยขาดซึ่งธรรม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดมาตลอดว่า เมื่อเราไม่อยู่แล้วให้ยึดถือธรรมของเราไว้ก็จะเห็นตัวเรา องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำรัสที่มีน้ำหนัก มีค่ายิ่งกว่าทองคำ คือคำว่า เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม

พ่อแม่พี่น้องครับ ถ้าชาติบ้านเมืองใช้ธรรมนำหน้า วันนี้เราคงไม่มีสัตว์เลื้อยคลาน หรือสัตว์นรกทั้งหลายมาเพ่นพ่านอยู่ในสังคมไทยหรอกครับ ขอให้ธรรมในวันวิสาขบูชาจงอยู่กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนตลอดไป สวัสดีครับ

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 17 พฤษภาคม 2551 02:54 น.



Google